ได้ข่าวเหมือนกันครับว่าหนังเล็กๆ เรื่องนี้มีดีไม่น้อย ก็เลยขอลองสักหน่อย
ได้ข่าวเหมือนกันครับว่าหนังเล็กๆ เรื่องนี้มีดีไม่น้อย ก็เลยขอลองสักหน่อย
ปี 2551 (2008) นั้นถือเป็นปีแห่งรวมญาติบนจอหนังเลยล่ะครับ เราได้เจออินเดียน่า โจนส์ลากสังขารมาหาขุมทรัพย์ แล้วยังได้เจอพ่อหนุ่มคนซื่อเมืองสุพรรณ บุญชู บ้านโข้ง (สันติสุข พรหมสิริ) พร้อมโมลี (จินตหรา สุขพัฒน์) และผองเพื่อนครบก๊วน งานนี้ยังหอบลูกชายชื่อว่าบุญโชค (ธนฉัตร ตุลยฉัตร) มาแนะนำให้เรารู้จักกันด้วย
ชื่อตอนสั้น ความยาวก็ไม่มากครับสำหรับภาคนี้ ที่จับเอาเรื่องราวหลังจากบุญชูกับโมลีได้แต่งงานกันและกำลังจะมีลูกในไม่ช้า แต่ก็เกิดเหตุร้ายขึ้น เมื่อมีโจรบุกปล้นตลาด ยิงปืนต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ จนคุณโมโดนลูกหลงเข้ากลางหลัง โอกาสเป็นตายเท่ากัน
และแล้วบุญชูกับโมลีก็ได้ฤกษ์ร่วมหอลงโรงกันซะที แต่ก็เกิดปัญหาใหญ่ เพราะแม่บุญล้อมต้องการให้โมลีแต่งมาอยู่สุพรรณ ส่วนพี่มานี (พี่สาวของโมลี) ก็อยากให้บุญชูย้ายมากรุงเทพ ทีนี้ด้วยประเพณียังไงฝ่ายหญิงก็ต้องมาอยู่กับฝ่ายชายที่บ้านเก่าริมคลอง พี่มานีเลยยื่นคำขาดว่าจะยอมปล่อยให้น้องสาวคนเดียวมาอยู่บ้านนอกก็ต่อเมื่อบุญชูสามารถทำให้คลองสะอาด น้ำใสไร้มลพิษ ไม่งั้นก็ไม่ให้ย้ายอะไรทั้งนั้น
ครองตำแหน่งชื่อตอนยาวยืด พิสดารที่สุด และยังมีประเด็นดีๆ อัดแน่นไม่แพ้ภาคสอง
แฟนหนังไทยงงกันไปพักหนึ่ง ที่จู่ๆ บุญชูดันก้าวกระโดด จาก 1, 2 ไป 5 เฉยเลย จนมีคนถามว่า 3, 4 น่ะไปไหน แล้วคนสมัยนั้นก็เอามาอำกันว่า “อ้อ 3 4 ไปรังสิต” วิญญาณพี่หยอยเข้าสิงแท้ๆ แหม ของเขาแรงจริง
ภาคนี้ทำเงินมากกว่าและได้รับการขนานนามว่าดีกว่าภาคแรก ในแง่คุณภาพ อาจเรียกได้ว่าดีที่สุดในหนังชุดนี้!
นี่คือเรื่องราวตอนแรกที่แนะนำให้ทุกคนได้รู้จักกับหนุ่มสุพรรณคนซื่อผู้นี้ครับ
หลวงพี่เท่ง ภาคแรกนั้นจัดเป็นหนังตลกที่ดูได้สนุกๆ เพลินๆ นะครับ สาระนิดๆ แต่ก็ไม่ได้ถึงกับเด็ดยอดสุดขีดอะไร แต่หนังสไตล์นี้พี่ไทยชอบครับ แล้วภาคก่อนยังโกยเงินไปกระหน่ำใช้ได้ด้วย ก็เลยต้องมีการทำภาคต่อกันหน่อย ซึ่งก็ทำเงินไปเยอะอีกเหมือนกัน แสดงว่าหนังสไตล์นี้ขายได้เรื่อยๆ ล่ะครับ ขนาดไม่ได้ๆ ก็ยังได้พอคืนทุนน่ะ
ผมอยากดูนะครับตอนเห็นตัวอย่าง คิดว่าถ้าจับประเด็นมาเล่นดีๆ หนังจะทั้งตลกและแทรกแง่คิดได้อย่างน่าสนใจเชียวล่ะ