นึกไม่ถึงเหมือนกันนะครับ ว่าหนังชุด “สะบายดี” จะยาวมาถึง 3 ภาคแล้ว
นึกไม่ถึงเหมือนกันนะครับ ว่าหนังชุด “สะบายดี” จะยาวมาถึง 3 ภาคแล้ว
ภาคแรกประทับใจผมมากครับ ชอบในความรักอันเรียบง่ายและบรรยากาศดีๆ ของประเทศลาว พอมาภาค 2 ใจก็พยายามลดความคาดหวัง เพราะรู้มาว่าเนื้อเรื่องเปลี่ยนโทน แม้จะถ่ายทำที่ลาวและได้นางเอกคนเดิมมารับบท แต่พระเอกของเรื่องไม่ได้มาในแนวนิ่มๆ สุภาพๆ แบบภาคแรก
ยามดูหนังเรื่องนี้ผมเกิด 2 ความรู้สึกผุดขึ้นมาพร้อมๆ กัน
ภาคนี้ตอนฉายโรงได้รับคำชมจนอ่วมอรทัยไปเลยนะครับ 555 ซึ่งตอนนั้นตัวผมก็ยอมรับว่าไม่ถึงกับอยากดูมาก ไว้รอแผ่นก็ได้ ครั้นพอดูแล้วก็… ก็ขอบอกเนิ่นๆ เลยว่าที่ผมจะเขียนต่อไปนี้ก็คงไม่ได้ช่วยสมานแผลให้กับหนังสักเท่าไร
หนังเจ้าของประโยค “ช้างกูอยู่ไหน” ในตำนานน่ะนะครับ ว่าด้วยขาม (จา พนม ยีรัมย์) กับการตามหาช้างพ่อลูกที่โดนพวกค้าสัตว์ข้ามชาติจับส่งไปกรุงซิดนี่ย์ ประเทศออสเตรเลีย
อย่าไปใส่ใจกับชื่อไทยนะครับ พอดีช่วงนั้นกระแสหนังเรื่อง “ใหญ่ฟัดโลก” หรือ Rumble in the Bronx ของเฮียเฉินหลงแกมาแรงมากๆ ครับ ดังข้ามปีทีเดียว เลยทำให้มีการตัดสินใจใส่ชื่อ “ใหญ่ฟัดโลก 2” ให้กับหนังเรื่องนี้ไปเลย… ว่าแต่ชื่อ “วิ่งสู้ฟัด” มันไม่ได้หรือไงหว่า
ถือเป็นภาคแยกที่แตกแขนงออกมาจากชุดวิ่งสู้ฟัดนะครับ หลังจากในวิ่งสู้ฟัด 3 หนังได้แนะนำให้คนดูรู้จักกับหยางเจี้ยนหัว (มิเชลล์ โหย่ว) สาวแกร่งหัวหน้าหน่วยตำรวจสากลของจีน ที่จัดว่าฟัดเก่งฟัดมันส์ไม่แพ้เฉินกูกู๋เลย
เฉินหลง กลับมาบู๊เป็นคำรบ 3 ในบทเฉินกูกู๋ ตำรวจจอมลุย โดยคราวนี้เขาได้รับมอบหมายให้ไปร่วมงานกับตำรวจหญิงจากจีนนามว่า หยางเจี้ยนหัว (มิเชลล์ โหย่ว) ภารกิจคือปลอมตัวแทรกซึมเข้าไปในขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ เพื่อจะได้หาหลักฐานและจับหัวหน้าใหญ่ (Kenneth Tsang) ของขบวนการนี้มาลงโทษให้สาสม
ความสำเร็จถล่มทลายในภาคแรก (โกยไป 26 ล้านเหรียญฮ่องกง) ทำให้ภาค 2 ถือกำเนิดตามมาครับ โดย เฉินหลง กลับมารับบทนายตำรวจตงฉินจอมระห่ำนามว่า เฉินกูกู๋อีกครั้ง
หนังบู๊ระดับตำนานของเฉินหลงที่แม้จะเก่ากว่า 30 ปี แต่พอเอามาดูในตอนนี้ ดีกรีความมันส์ก็ไม่ลดลงเลยครับ สนุกมาก เพลินมาก ถึงเครื่องมากจริงๆ