Basic (2003) รุกฆาต ปฏิบัติการลวงโลก

ผู้กำกับ John McTiernan เป็นอีกคนที่มีฝีมือนะครับ เพราะผลงานของเขาส่วนมากจะน่าสนใจทั้งสิ้น ตั้งแต่ Die Hard ภาคแรกและภาคสาม, The Hunt for Red October, The Thomas Crown Affair, Predator, The 13th Warrior และ Medicine Man (ละเรื่อง Rollerball ไว้ในฐานที่เข้าใจครับ อันนั้นมือร่วงแบบผิดคาดจริงๆ)

At the Earth’s Core (1976) ตลุยใต้พิภพ

ดร.แอ็บเนอร์ เพอร์รี่ (Peter Cushing) นักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องผู้สามารถประดิษฐ์คิดค้นยานพาหนะที่สามารถเจาะไปยังใต้โลกได้ เขากับเดวิด อินเนส (Doug McClure) หนุ่มอเมริกันผู้เป็นศิษย์โปรดของเขา ได้ร่วมกันเดินทางไปยังใต้โลกเพื่อค้นหาความลับว่าภายในเปลือกโลกของเรานี้มีอะไรซ่อนอยู่อีกหรือไม่

Aliens vs. Predator 2 (2007) สงครามฝูงเอเลี่ยน ปะทะ พรีเดเตอร์ 2

เหตุการณ์ต่อเนื่องสานต่อเรื่องจากภาคแรกมาเลยครับ ตอนที่แล้วหลังจากสงครามระหว่างเอเลี่ยนกับพรีเดเตอร์บนพื้นโลกสิ้นสุดลงด้วยการตายกันเกลื่อน และเจ้าพรีเดเตอร์ตัวสุดท้ายที่มาตายเอาตอนจบภาคก่อนเกิดมีตัวเอเลี่ยนฝังอยู่ แล้วมันก็แหวกอกออกมาตามธรรมเนียม

Liar Liar (1997) ไลเออร์ ไลเออร์ ขี้จุ๊…เทวดาฮากลิ้ง

หนังตลกฮาร้อยล้านของพระเอกหน้ายาง Jim Carrey ในบททนายความจอมกะล่อน เฟลทเชอร์ รี๊ด ที่โกหกเป็นไฟเสมอ ไม่ว่าจะในศาลก็แหลปั้นเรื่องยังไงก็ได้เพื่อให้ลูกความพ้นผิด

Jeepers Creepers 3 (2017) มันกลับมาโฉบหัว

Jeepers Creepers ถือเป็นหนึ่งในหนังสยองขวัญไม่กี่เรื่องที่ทำออกมาเป็นไตรภาคได้แบบสมบูรณ์ ซึ่งคำว่าสมบูรณ์ในที่นี้คือ หนังเขียนบทและกำกับโดยคนเดียวกันทั้ง 3 ภาค นั่นคือ Victor Salva (ในขณะที่หนังสยองภาคต่อส่วนใหญ่ ถ้าไม่เปลี่ยนผู้กำกับก็จะเปลี่ยนคนเขียนบทกันไป)

Jumanji: Welcome to the Jungle (2017) จูแมนจี้ เกมดูดโลก บุกป่ามหัศจรรย์

ผมสนุกกับ Jumanji ภาคนี้มากกว่าที่คิดครับ คือมันเบาสมอง ดูเพลิน ผจญภัยไปเรื่อยๆ มีตัวละครที่มาพร้อมคาแรคเตอร์ที่น่าจดจำ เรียกว่าตอบโจทย์ความบันเทิงได้ดี แม้จะไม่ถึงขั้นสุดยอด แต่ก็พูดได้ว่าสนุกน่ะครับ

Star Wars: Episode VIII – The Last Jedi (2017) สตาร์ วอร์ส เอพพิโซด 8 ปัจฉิมบทแห่งเจได

หาก Star Wars ภาค The Force Awakens คืองานบูชาครูที่ทำให้คนดูรู้สึกถึงบรรยากาศเก่าๆ พร้อมด้วยกลิ่นอายเดิมๆ แล้วล่ะก็ The Last Jedi นี่ก็คงถือเป็นการเดินไปบนเส้นทางสายใหม่ ตรงกับที่ลุคบอกไว้ในตัวอย่างว่า “มันจะไม่ได้จบลง เช่่นที่เจ้าคาดคิด”

Bright (2017) ไบรท์

หนังเรื่องนี้ถือเป็นการประกาศของ Netflix ว่าเขาเอาจริงครับ ประมาณว่าพร้อมโดดลงมาเป็นผู้เล่นพร้อมแชร์ตลาดกับบรรดาค่ายหนังต่างๆ ที่ทำหนังฉายโรง เพราะถ้าว่ากันด้วยหน้าหนังแล้ว ฟอร์มมันดูดีกว่าหนังฉายโรงบางเรื่องซะอีก