หนังที่ดัดแปลงจากเรื่องสั้นของ Stephen King ครับ เรื่องนี้ผมตามล่าหาดูมานาน แม้ใครๆ จะบอกว่าหนังเรื่องนี้ไม่ได้มีดีอะไรนักก็เถอะ แต่มันเป็นหนังจากงานของพี่ King นี่ครับ จะดีจะแย่ก็ต้องขอดูให้ครบเซ็ตสักหน่อย
หนังที่ดัดแปลงจากเรื่องสั้นของ Stephen King ครับ เรื่องนี้ผมตามล่าหาดูมานาน แม้ใครๆ จะบอกว่าหนังเรื่องนี้ไม่ได้มีดีอะไรนักก็เถอะ แต่มันเป็นหนังจากงานของพี่ King นี่ครับ จะดีจะแย่ก็ต้องขอดูให้ครบเซ็ตสักหน่อย
ภาพยนตร์แนวตื่นเต้นระทึกขวัญที่ผสมไว้หลายแบบเหลือเกินครับ จะเป็นแนวเขย่าขวัญแบบสยองไปเลยก็ได้ เป็นแนวระทึกปน Sci-Fi ก็ได้ หรือจะเป็นหนัง Action Thriller แบบหนังบู๊บนเรือดำน้ำอย่าง Crimson Tide หรือ U-571 ก็ยังได้อีก
นี่ก็เป็นหนังย้อนยุคกึ่งอิงประวัติศาสตร์หน่อยๆ นะครับ ย้อนไปอดีตสมัยที่แผ่นดินอเมริกันยังไม่ถูกค้นพบ ชนพื้นเมืองอเมริกันก็ต้องเผชิญกับพวกไวกิ้งจอมโหดร้ายที่เข้ามาเพื่อยึดครองพื้นที่ จับคนไปเป็นทาส
ผมเป็นคนหนึ่งที่หลงรักเสน่ห์หนังเบาสมองสไตล์ลุง Woody Allen เข้าอย่างจังเบ่อเร่อ
การที่ Stephen King มีชื่อเสียงในฐานะนักเขียนนิยายสยองขวัญมาจนถึงทุกวันนี้ ไม่ใช่เพียงเพราะเขาเขียนแล้วสยอง แต่เพราะเขียนแล้วได้รสชาติเฉพาะตัว
ผมว่าคนที่คุ้นเคยกับหนังสยองขวัญฝรั่งน่าจะคุ้นชื่อ “บลัดดี้ แมรี่” ไม่มากก็น้อย (หรือไม่ก็คุ้นจากชื่อเครื่องดื่มชนิดหนึ่งล่ะนะครับ) อันว่าตำนานทั่วไปนะครับ ที่นิยมเอามาเล่าที่สุดเกี่ยวกับ Bloody Mary ก็คือ มีคำกล่าวว่าเธอคือแม่มดหรือผีร้ายที่จะโผล่มาเอาชีวิตคนหากใครบังอาจเรียกชื่อบลัดดี้แมรี่ติดต่อกันสามครั้งหน้ากระจก ซึ่งตำนานก็มีหลากแบบกันไปครับ บ้างก็ว่าต้องไปเรียกหน้าอาคารเรียน บ้างก็เอาตำนานไปผูกกับควีนแม่รี่ที่ 1 แห่งอังกฤษ
ครับ มันยังไม่จบ ทำไงได้ล่ะครับ ภาคแรกได้เงินไปทั่วโลกกว่า $70 ล้านเหรียญเชียวนะครับ ทุนแค่จิ๊บๆ ไม่สร้างตอนต่อก็กะไร เผื่อได้เงินได้ทอง แล้วยังสร้างแบบเซฟด้วยนะครับ ทุนแค่ $14 ล้านเท่านั้นเอง โอกาสกำไรก็เห็นๆ ล่ะครับ
คำว่า Urban Legend นั้นมีความหมายถึงเรื่องเล่าพื้นบ้าน ซึ่งก็คือตำนานพื้นเมืองอย่างหนึ่งครับ แทบทุกเมืองในอเมริกาจะมีเรื่องเล่าแบบนี้ไว้คอยเขย่าขวัญเด็กๆ จุดประสงค์ที่แท้จริงก็เพื่อให้เด็กๆ ไม่ทำตัวทะเล้นจนเกินงาม เพราะเรื่องเล่าเนี่ยมักเกี่ยวกับเด็กวัยรุ่นไปทำพฤติกรรมห่ามๆ เช่น ไปจู๋จี๋กลางป่าตอนดึกๆ หรือไม่ก็ พากันไปลองของตามบ้านผีสิงที่มีประวัติสยองเป็นต้น พวกผู้ใหญ่เลยต้องเอาเรื่องน่ากลัวมาบอกเล่าเด็กๆ เพื่อกันไม่ให้เด็ก ออกไปเถลไถลยามวิกาล
สำหรับ The Thing ฉบับนี้ถือเป็นภาคก่อนหน้าของเหตุการณ์ใน The Thing ปี 1982 ของลุง John Carpenter อันที่จริงตอนแรกก็มีการคิดๆ กันครับว่าจะรีเมคจากฉบับปี 1982 เลยดีไหม แต่ทุกฝ่ายก็เห็นตรงกันในที่สุดครับว่าฉบับปี 1982 มันยอดเยี่ยมมากอยู่แล้ว ดังนั้นการไปรีเมคซ้ำของดีๆ แบบนั้นมันไม่เข้าท่า ถึงกับมีคนเปรียบว่า “เหมือนพยายามเอาสีไปทาทับภาพโมนาลิซ่า” อย่างนั้นเลย
จำได้ว่าตอนที่ The Thing ฉบับสร้างใหม่เข้าฉาย มีคนรีเควสท์ให้ผมรีวิว The Thing ปี 1982 เยอะมาก ไม่ใช่เยอะธรรมดา เยอะถึงขนาดผมเข้า Google แล้วใส่คำว่า “10000tip” ลงไป มันจะต่อท้ายออโต้ให้เลยว่า “The Thing”