เป็นหนังที่ทำให้ผมงงตอนเข้าฉายครับ เพราะตอนนั้นทราบดีว่ามีหนังเรื่อง Battle Los Angeles ว่าด้วยมนุษย์ต่างดาวบุกโลก แล้วทหารภาคพื้นดินก็เข้าไปรบกับพวกมันเพื่อปกป้องประเทศ โดยมีสมรภูมิคือ แอล.เอ.
เป็นหนังที่ทำให้ผมงงตอนเข้าฉายครับ เพราะตอนนั้นทราบดีว่ามีหนังเรื่อง Battle Los Angeles ว่าด้วยมนุษย์ต่างดาวบุกโลก แล้วทหารภาคพื้นดินก็เข้าไปรบกับพวกมันเพื่อปกป้องประเทศ โดยมีสมรภูมิคือ แอล.เอ.
จอห์นนี่ คาร์เตอร์ (Steven Terrell) และ โจแอน เฮย์เดน (Gloria Castillo) คู่รักหนุ่มสาวที่กำลังจู่จี๋อยู่ในป่าตามประสาวัยรุ่น แต่แล้วจู่ๆ พวกเขาก็เจอมนุษย์ต่างดาวตัวเล็กๆ โผล่มาครับ สร้างความตกตะลึงให้กับพวกเขาอย่างยิ่ง และดูท่าว่ามันจะไม่ได้มีเจตนาที่ดีแต่อย่างใด
ชื่ออิตาลีคือ Non si sevizia un paperino นะครับ กับหนังลึกลับระทึกขวัญของอิตาลีครับ กำกับโดย Lucio Fulci ผู้กำกับระดับตำนานอีกคนของแดนสปาเก็ตตี้ พี่ท่านขึ้นชื่อด้านการทำหนังสยองน่ะครับ อย่างหนังชุด Zombie ที่แตกหน่อต่อยอดไปจาก Dawn of the Dead ของ George A. Romero นั้นก็ดังด้วยมือเขานี่แหละ
เวอร์จิเนีย ดัคซี่ (Jennifer O’Neill) เกิดภาพนิมิตขณะขับรถว่ามีโครงกระดูกถูกซ่อนอยู่ที่กำแพงบ้านของสามีเธอ และเมื่อเธอลองไปค้น เธอก็พบโครงกระดูกนั้นจริงๆ และนั่นคือจุดเริ่มต้นของการค้นหาว่าโครงกระดูกนั้นมาจากไหน และใครคือฆาตกรสังหารคนผู้นี้
เคยดูหนังสารคดีแล้วน้ำตาซึมด้วยความรู้สึกอิ่มเอม-Touching บ้างไหมครับ… ผมเคยแล้วหลายครั้ง และหนึ่งในนั้นก็คือเรื่องนี้นี่แหละ (ก็ไม่นึกเหมือนกันว่ามันจะมี Part ที่ทำให้เราน้ำตาซึมได้)
ดูจบแล้วคิดออกมา 2 อย่างโดยประมาณครับ อย่างแรกคือหนังจัดว่าดูสนุกมากกว่าที่คิดไว้ เดินเรื่องลื่นไหล ตัวละครมีเสน่ห์ ดาราก็สวมทบได้ลงล็อค และแทรกอารมณ์ขันลงไปแบบพอเหมาะสุดๆ
พฤติกรรมการดูหนังของคนเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ครับ ส่วนสำคัญของการเปลี่ยนแปลงก็คือความก้าวไกลของเทคโนโลยี โดยยุคนี้ดูจะเป็นยุคสมัยแห่งการดูออนไลน์ การดูอยู่กับบ้าน หรือดูที่ไหนก็ได้ ไม่ต้องไปต่อแถวซื้อตั๋วเพียงอย่างเดียว
ตอนนี้ไม่รู้ว่าผมเริ่มอิ่มตัวกับหนัง Hollywood – เป็นเพราะหนัง Hollywood เองเริ่มย่ำอยู่กับที่ – หรือเพราะมันกำลังเดินไปในทางทิศทางที่เราไม่คุ้น (จนเด็กยุค 90 อย่างผมเริ่มไม่ชินกับมัน) กันแน่ แต่ที่แน่ๆ คือความรู้สึกเหล่านั้น มันทำให้ผมหันไปหาหนังแนวอื่น สัญชาติอื่น สไตล์อื่นมากขึ้น
หนังเรื่องนี้ก่อให้เกิดความรู้สึก 2 ห้วงขึ้นมาในหัวของผม ห้วงแรกเกี่ยวกับตัวหนัง อีกห้วงหนึ่งเกี่ยวกับสถานการณ์ในเรื่องที่หนังพาเราไปสำรวจ (ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ชวนอึดอัดและไม่อยากให้เกิดกับใครทั้งนั้น)
การดูหนังเรื่องนี้ทำให้คิดถึง Bill Paxton ขึ้นมาครับ เพราะนี่คือหนึ่งในผลงานการแสดงเรื่องท้ายๆ ที่เขาฝากไว้ก่อนจากไป ก็ใจหายเหมือนกันครับที่เราจะไม่ได้ดูผลงานการแสดงเรื่องใหม่ๆ ของเขาอีก