ยังไม่จบครับสำหรับเรื่องราวของเหล่ามอนสเตอร์เก่าแก่แห่งค่าย Universal
ยังไม่จบครับสำหรับเรื่องราวของเหล่ามอนสเตอร์เก่าแก่แห่งค่าย Universal
นักวิทยาศาสตร์ผู้บ้าคลั่ง ดร. กุสตาฟ นีมานน์ (Boris Karloff) กับ แดเนี่ยล (J. Carrol Naish) ข้ารับใช้หลังค่อมได้หนีออกจากที่คุมขังพร้อมด้วยความแค้น และสิ่งแรกที่เขาคิดจะทำเมื่อหนีออกมาคือ การนำเอาจอมผีดิบ แดร็กคูล่า (John Carradine) มาใช้ในงานล้างแค้น
เรื่องนี้ถือเป็นภาคต่อของหนังชุด Frankenstein (ถือเป็นตอนที่ 5) และ The Wolf man (ถือเป็นตอนที่ 2) ครับ กับการจับเอา 2 มอนสเตอร์ระดับตำนานของ Universal มาเจอกัน
เรื่องราวตอนที่ 4 ในหนังชุด Frankenstein ของค่าย Universal Pictures นะครับ
นี่คือเรื่องราวตอนที่ 3 ในหนังชุด Frankenstein ที่แสนคลาสสิกของค่าย Universal Pictures นะครับ ต่อจาก Frankenstein (1931) และ Bride of Frankenstein (1935)
จำได้ว่าตอนหนังเข้าฉายนั้นมีการโปรโมตโฆษณากันพอสมควรครับ จนผมเองก็ยังคิดว่าเป็นหนังใหญ่ ยิ่งช่วงนั้น The Mummy ก็กำลังมีกระแส เลยพลอยคิดว่าหนังคงทำออกมาฉายชนกันแบบยักษ์ชนยักษ์ แต่ที่ไหนได้หนังคนละเกรดเลยครับ
และนี่คือตอนที่ 4 อันเป็นตอนสุดท้ายของหนังชุด The Mummy จากค่าย Hammer เป็นงานกำกับชิ้นสุดท้ายของ Seth Holt ผู้กำกับชาวอังกฤษที่เคยทำหนังระทึกชั้นเยี่ยมเรื่อง The Nanny (1965) ไว้ ซึ่งเขาจากโลกนี้ไปด้วยอาการหัวใจวายก่อนหนังปิดกล้องเพียง 1 สัปดาห์
ภาค 3 ของหนังชุด The Mummy จากค่าย Hammer นะครับ เนื้อเรื่องออกแนวเดิมๆ นั่นคือ เปิดมาก็เล่าตำนานว่ามัมมี่ตัวที่เรากำลังจะได้เห็นมันออกมาฆ่าคนนั้นมันมีที่มาจากไหน จากนั้นก็จะตัดมาสู่ยุคปัจจุบัน ที่จะต้องมีนักโบราณคดีไปเปิดสุสาน และมัมมี่ก็ฟื้นขึ้นมาฆ่าพวกเขาทีละคนๆ จนพอตอนท้ายตัวเอกเท่านั้นที่จะร่ายคาถาสยบมันลงได้
ภาคต่อของ The Mummy จากค่าย Hammer Films ครับ แต่สิ่งที่รู้สึกระหว่างดูคือรสชาติมันแตกต่าง ไม่ใช่ต่างแค่กับหนังชุดมัมมี่นี้นะครับ แต่มันต่างออกไปจากหนังสยองแนวมอนสเตอร์ที่ผลิตออกมาจากค่าย Hammer เลยล่ะ
มัมมี่ภาคนี้ก็เป็นฉบับรีเมคโดยค่าย Hammer Films อีกเช่นเคยนะครับ ส่วนคนกำกับก็คือ Terence Fisher ขาประจำที่ทำหนังภาคแรกของหนังสยองแนวมอนสเตอร์ทุกเรื่องให้กับ Hammer ตั้งแต่ Dracula, Frankenstein และมนุษย์หมาป่าครับ แล้วก็เขียนบทโดย Jimmy Sangster อีกทั้งได้ 2 ดาราหนังสยองแห่งยุคอย่าง Peter Cushing และ Christopher Lee มาเจอกันอีก เรียกว่ายกทีมแม่เหล็กแห่งค่าย Hammer มาเจอกันเลยล่ะครับ