คีท ไรเกอร์ (James Marshall) กับซีซี (Shannen Doherty) แม้จะแต่งงานกันมานานแต่ชีวิตคุ่ก็ไม่ใคร่จะราบรื่น พวกเขาเริ่มมีคำถามว่าจะไปกันรอดไหม แม้จะมีลูกชายเป็นโซ่ทองคล้องใจพวกเขาก็ตาม แต่คำถามนี้ก็ยังไม่จากไปไหน
คีท ไรเกอร์ (James Marshall) กับซีซี (Shannen Doherty) แม้จะแต่งงานกันมานานแต่ชีวิตคุ่ก็ไม่ใคร่จะราบรื่น พวกเขาเริ่มมีคำถามว่าจะไปกันรอดไหม แม้จะมีลูกชายเป็นโซ่ทองคล้องใจพวกเขาก็ตาม แต่คำถามนี้ก็ยังไม่จากไปไหน
จากนิยายของ Michael Crichton ผู้ประพันธ์ Jurassic Park มาสู่ฉบับหนังครับ กับเรื่องราวแนวชีวิตผสมการหักเหลี่ยมหักเล่ห์กัน
ตอนดูตัวอย่างก็ไม่รู้สึกว่าอยากดูอะไรนักครับ แต่มาสนใจเพราะฉากเด็กหันหลังนั่นแหละ ดูแล้วหลอนดี เลยลองดูสักรอบ (แม้กระแสจะไม่ดีนักก็ตาม)
หนังเรื่องนี้มีดีอย่างยิ่งตรงบทครับ บทที่ค่อยๆ เผยความจริงทีละนิด เผยแบบน่าติดตาม ชวนให้เราอยากรู้ว่าเรื่องมันจะไปยังไงต่อ ทั้งๆ ที่เกือบทั้งเรื่องน่ะ เหตุการณ์ก็วนซ้ำอยู่ที่เดิมๆ ตัวละครเดิมๆ ซึ่งก็คือโคลเตอร์ สตีเวนส์ (Jake Gyllenhaal) ชายที่ถูกส่งไปยังอดีต เพื่อค้นหาเหตุวินาศกรรม แต่จุดที่ทำให้น่าสนใจคือ “การตัดสินใจของคนที่แตกต่างออกไป”
แรงฤทธิ์สำคัญที่ทำให้ผมคว้าหนังเรื่องนี้มาดูก็คือมีดาราฝีมือดีและมีชื่อในอดีต 3 รายมาร่วมกันแสดง นั่นคือ Michael Ironside, Lee Grant และ William Shatner มันก็เลยคิดน่ะครับว่า หนังมันก็น่าจะมีอะไรบ้างล่ะน่า… ปรากฎว่า… คิดผิดอีกแล้วเรา
ชื่ออิตาลีคือ Non si sevizia un paperino นะครับ กับหนังลึกลับระทึกขวัญของอิตาลีครับ กำกับโดย Lucio Fulci ผู้กำกับระดับตำนานอีกคนของแดนสปาเก็ตตี้ พี่ท่านขึ้นชื่อด้านการทำหนังสยองน่ะครับ อย่างหนังชุด Zombie ที่แตกหน่อต่อยอดไปจาก Dawn of the Dead ของ George A. Romero นั้นก็ดังด้วยมือเขานี่แหละ
เวอร์จิเนีย ดัคซี่ (Jennifer O’Neill) เกิดภาพนิมิตขณะขับรถว่ามีโครงกระดูกถูกซ่อนอยู่ที่กำแพงบ้านของสามีเธอ และเมื่อเธอลองไปค้น เธอก็พบโครงกระดูกนั้นจริงๆ และนั่นคือจุดเริ่มต้นของการค้นหาว่าโครงกระดูกนั้นมาจากไหน และใครคือฆาตกรสังหารคนผู้นี้
ตอนนี้ไม่รู้ว่าผมเริ่มอิ่มตัวกับหนัง Hollywood – เป็นเพราะหนัง Hollywood เองเริ่มย่ำอยู่กับที่ – หรือเพราะมันกำลังเดินไปในทางทิศทางที่เราไม่คุ้น (จนเด็กยุค 90 อย่างผมเริ่มไม่ชินกับมัน) กันแน่ แต่ที่แน่ๆ คือความรู้สึกเหล่านั้น มันทำให้ผมหันไปหาหนังแนวอื่น สัญชาติอื่น สไตล์อื่นมากขึ้น
หนังเรื่องนี้ก่อให้เกิดความรู้สึก 2 ห้วงขึ้นมาในหัวของผม ห้วงแรกเกี่ยวกับตัวหนัง อีกห้วงหนึ่งเกี่ยวกับสถานการณ์ในเรื่องที่หนังพาเราไปสำรวจ (ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ชวนอึดอัดและไม่อยากให้เกิดกับใครทั้งนั้น)
การดูหนังเรื่องนี้ทำให้คิดถึง Bill Paxton ขึ้นมาครับ เพราะนี่คือหนึ่งในผลงานการแสดงเรื่องท้ายๆ ที่เขาฝากไว้ก่อนจากไป ก็ใจหายเหมือนกันครับที่เราจะไม่ได้ดูผลงานการแสดงเรื่องใหม่ๆ ของเขาอีก