ผมเล็งจะดูเรื่องนี้มาหลายที และหมายมั่นว่าจะดูในตอนเช้าด้วยนะครับ เพราะเชื่อว่าหนังมันต้อง Feel Good และให้พลังกับเราได้แน่ๆ ครั้นพอดูจบผมก็เดินไปที่กระจกแล้วยิ้มให้ตัวเองหนึ่งที พลางบอกกับตัวเองว่า “ขอบคุณที่เลือกเปิดเรื่องนี้” ^_^
ผมเล็งจะดูเรื่องนี้มาหลายที และหมายมั่นว่าจะดูในตอนเช้าด้วยนะครับ เพราะเชื่อว่าหนังมันต้อง Feel Good และให้พลังกับเราได้แน่ๆ ครั้นพอดูจบผมก็เดินไปที่กระจกแล้วยิ้มให้ตัวเองหนึ่งที พลางบอกกับตัวเองว่า “ขอบคุณที่เลือกเปิดเรื่องนี้” ^_^
ถ้าคุณเป็นคอการ์ตูนญี่ปุ่นแนวอบอุ่น+กินบรรยากาศ, เป็นสาวก Makoto Shinkai หรือเป็นคนรัก Ghibli ล่ะก็ เรื่องนี้สามารถตรงดิ่งไปดูได้เลยครับ ไม่ต้องรออ่านสิ่งที่ผมจะเขียนด้านล่างนี่แล้ว 😊
ก่อนดู Two Night Stand ผมแอบคาดหวังว่าหนังจะมาทางเดียวกับ Before Sunrise ครับ ประมาณว่าหนุ่มสาวที่ไม่เคยพบกันมาก่อนได้มาเจอกัน แล้วก็นั่งคุยเรื่องต่างๆ กันทั้งวันคืน ครั้นพอได้ดูก็พบว่ามันไม่เชิงเป็นแบบนั้นครับ
Scooby-Doo! Curse of the Lake Monster ตอนต่อของภาค Beginning น่ะนะครับ คราวนี้ 5 สหาย เฟรด (Robbie Amell), แดฟเน (Kate Melton), เวลม่า (Hayley Kiyoko), แช็คกี้ (Nick Palatas) และ สคูบี้ดู (ให้เสียงโดย Frank Welker) ต้องมาเจอกับคำสาปของแม่มดโบราณ แล้วไหนจะต้องเจอกับสัตว์ประหลาดจากทะเลสาบอีก งานนี้พวกเขาเลยต้องรวมพลังกันสู้ตามสูตรนั่นแหละครับ
นอกจากการไม่คาดหวังก่อนดูหนังสักเรื่องแล้ว การตั้งท่ารับว่าหนังจะมาแบบไหนก็มีส่วนช่วยให้เราโอเคกับหนังได้ในระดับหนึ่งครับ
ผมเคยดู Book Club แล้วรอบนึงครับ ซึ่งผมชอบนะ คืออาจจะไม่ได้ถึงกับชอบมากๆ แต่หนังมันกำลังดีน่ะครับ เนื้อเรื่องอาจจะดูเบาๆ ไม่หนักมาก แต่ในแง่การแสดงแล้วถือว่ายอดเยี่ยมเพราะ 4 ดารานำนี่ล้วนเป็นระดับลายคราม แต่ละคนนี่ถ้าไม่ได้ออสการ์อย่างน้อยก็ต้องได้เข้าชิง เล่นเรื่องไหนลื่นไหลเรื่องนั้นอยู่แล้ว ไว้ใจได้เสมอ
เมื่อดูหนังเรื่องนี้แล้ว ตระหนักได้ถึงคำว่า “ทุกอย่างมีช่วงเวลาของมัน”
ผมเว้นช่วงในการดูหนังรักโรแมนติกไปนานพอดูครับ เหมือนถึงจุดอิ่มตัวในช่วงหนึ่งเลยมีการพัก แล้วก็ปล่อยให้หนังรักหลายเรื่องผ่านตาไป กะไว้ว่าถ้าเกิดอารมณ์อยากดูเมื่อไรแล้ว ก็ค่อยคว้ามาดู และ Love Is in the Air ถือเป็นเรื่องแรกครับ ผลก็คือดูแล้วแฮ้ปปี้ใช้ได้เลยทีเดียว
ก่อนเปิด 3 อหังการ์ เจ้าสุริยา – The Warlords ดูนั้นผมลืมตั้งหลักไปนิดนึงครับ ลืมไปว่าหนังน่าจะหนักไม่ใช่น้อยเพราะเป็นแนวสงครามว่าด้วยการฆ่าฟันล้างผลาญ ไหนจะมีเรื่องปมขัดแย้งระหว่างตัวละครอีก เลยทำให้พอดูไปสักพักก็รู้สึกไหล่ล้าบ่าหนักขึ้นมาจนได้
ตอนดู First Daughter จบ ผมบอกกับตัวเองว่าจริงๆ ผมควรจะชอบหนังเรื่องนี้นะ เพราะจะว่าไปผมก็ชอบในบทสรุปของเรื่องอยู่เหมือนกัน แต่หากพิจารณาตัวหนังโดยรวมตั้งแต่ต้นจนจบพร้อมทั้งสำรวจความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อหนังแล้ว ก็คงต้องบอกว่าหนังยังไปไม่ถึงในจุดที่ควรจะเป็น และถือว่าหนังอยู่ในระดับกลางๆ ครับ