เดินทางมาถึงภาค 5 แล้วครับสำหรับ Underworld
เดินทางมาถึงภาค 5 แล้วครับสำหรับ Underworld
ระหว่างดูหนังเรื่องนี้ผมก็นึกถึงเรื่องๆ หนึ่งขึ้นมาได้ อันนี้เจอกับตัวเองครับ ตอนนั้นเขียนอยู่ Bloggang เขียนถึง Watchmen เสียยาวยืด ส่วนหนึ่งก็เพราะดูแล้วชอบมากมายเลยร่ายแบบยาวสุดๆ ก่อนจะตบมุกตอนท้ายด้วยคำว่า “ฮาเลลูยา”
หลายปีที่ผ่านมานิยายชุด 4 มือปราบพญายม ของ อุนสุยอัน ถูกดัดแปลงเป็นหนังจีนชุดหลายรอบมากๆ เรียกว่าสามารถชิงตำแหน่ง “สร้างถี่” กับหนังชุดมังกรหยกได้เลยล่ะครับ
การจะเอาวรรณกรรมอมตะอย่างเจ้าชายน้อยมาทำเป็นหนังนั้น ถือเป็นโจทย์ที่ท้าทายมากครับ จริงๆ คือเคยมีคนทำออกมาแล้ว แต่ผลลัพธ์ที่ได้ก็ยังไม่ถือว่าเข้าเป้านัก
ศึกถล่มฟ้า อสูรน้อยจอมซน หรือ Monster Hunt หนังจีนสุดดังที่ทำรายได้ถล่มทลายในบ้านเกิด ซึ่งหลายคนก็สนุกสนานกับหนังเรื่องนี้ครับ ส่วนผมนั้นสารภาพเลยว่าแรกๆ ก็แอบคิดว่าสงสัยเราจะไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายแฮะ
สิ่งหนึ่งที่รู้สึกในการดูหนังจีนยุคหลังๆ คือส่วนใหญ่หนังจะออกมาเน้น Effect หรือไม่ก็ CG ครับ ในขณะที่เนื้อเรื่องก็ลดความเข้มข้นลงเรื่อยๆ หรือในแง่ความมันส์ก็อาจจะไม่โดนใจคนรุ่นผมที่ชอบการซัดกันแบบสมจริงมากกว่าจะลุยกันแบบเป็น CG
ออกตัวก่อนครับว่าผมเป็นคนชอบหนังไซไฟและหนังสไตล์ The Twilight Zone ที่เต็มไปด้วยปริศนา เรื่องลึกลับไร้คำอธิบาย หรือเหตุการณ์แปลกๆ ที่ชวนให้งง
ภรรยาผมพูดขึ้นหลังดูหนังเรื่องนี้จบว่า “เราไม่มีโอกาสที่จะทำให้วันไหนดีขึ้นได้ นอกจากวันนี้… ว่าอย่างนั้นมั้ย?” แล้วผมก็พยักหน้าตอบรับครับ ^_^ (บอกก่อนครับ บทความนี้ยาว เพราะหนังมันถูกจริตมากมาย)
ได้ยินคำร่ำลือมานานว่าการ์ตูนเรื่องนี้มีดีหลายสถาน ครั้นพอดูแล้วก็พบว่าดีจริงตามเขาว่าครับ ทำออกมาได้ดีครบรสชาติแล้วภาพยังสวยงามมากมายอีกด้วย จนอยากจะ Highly Recommended ไว้ตรงนี้เลยน่ะครับ
DragonHeart ภาคแรกถือเป็นหนึ่งในหนังแฟนตาซีย้อนยุคที่ผสมกลิ่นอายเรื่องของอัศวินและการผจญภัยได้อย่างพอเหมาะ ที่สำคัญคือมีแง่คิด มีเนื้อหาชวนให้ประทับใจ จนถึงทุกวันนี้หากมีโอกาสผมก็ยังเอามาดูอยู่บ่อยๆ