ถ้าถามว่าระยะหลังๆ มานี้ผมจดจ่อติดตามผลงานของผู้กำกับคนไหน ก็ตอบได้เลยว่าคนที่มาเป็นอันดับต้นๆ คือ Nancy Meyers
ถ้าถามว่าระยะหลังๆ มานี้ผมจดจ่อติดตามผลงานของผู้กำกับคนไหน ก็ตอบได้เลยว่าคนที่มาเป็นอันดับต้นๆ คือ Nancy Meyers
ที่เขาว่ากันว่า “ความคิดมีผลต่อทิศทางของชีวิตเรา” นั้น ถือว่าจริงไม่ใช่น้อยเลยครับ
รู้สึกว่าระยะหลังๆ หนังรักดูจะเข้าโรงน้อยลงนะครับ ไม่ว่าจะรักหวานๆ รักขำๆ หรือรักขมๆ ก็ตาม เรียกว่ามีน้อยจนผมต้องไปพึ่งพาดูหนังหวานๆ จาก Hallmark กันเลยล่ะ
ได้ข่าวเหมือนกันครับว่าหนังเล็กๆ เรื่องนี้มีดีไม่น้อย ก็เลยขอลองสักหน่อย
ปี 2551 (2008) นั้นถือเป็นปีแห่งรวมญาติบนจอหนังเลยล่ะครับ เราได้เจออินเดียน่า โจนส์ลากสังขารมาหาขุมทรัพย์ แล้วยังได้เจอพ่อหนุ่มคนซื่อเมืองสุพรรณ บุญชู บ้านโข้ง (สันติสุข พรหมสิริ) พร้อมโมลี (จินตหรา สุขพัฒน์) และผองเพื่อนครบก๊วน งานนี้ยังหอบลูกชายชื่อว่าบุญโชค (ธนฉัตร ตุลยฉัตร) มาแนะนำให้เรารู้จักกันด้วย
ชื่อตอนสั้น ความยาวก็ไม่มากครับสำหรับภาคนี้ ที่จับเอาเรื่องราวหลังจากบุญชูกับโมลีได้แต่งงานกันและกำลังจะมีลูกในไม่ช้า แต่ก็เกิดเหตุร้ายขึ้น เมื่อมีโจรบุกปล้นตลาด ยิงปืนต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ จนคุณโมโดนลูกหลงเข้ากลางหลัง โอกาสเป็นตายเท่ากัน
และแล้วบุญชูกับโมลีก็ได้ฤกษ์ร่วมหอลงโรงกันซะที แต่ก็เกิดปัญหาใหญ่ เพราะแม่บุญล้อมต้องการให้โมลีแต่งมาอยู่สุพรรณ ส่วนพี่มานี (พี่สาวของโมลี) ก็อยากให้บุญชูย้ายมากรุงเทพ ทีนี้ด้วยประเพณียังไงฝ่ายหญิงก็ต้องมาอยู่กับฝ่ายชายที่บ้านเก่าริมคลอง พี่มานีเลยยื่นคำขาดว่าจะยอมปล่อยให้น้องสาวคนเดียวมาอยู่บ้านนอกก็ต่อเมื่อบุญชูสามารถทำให้คลองสะอาด น้ำใสไร้มลพิษ ไม่งั้นก็ไม่ให้ย้ายอะไรทั้งนั้น
ครองตำแหน่งชื่อตอนยาวยืด พิสดารที่สุด และยังมีประเด็นดีๆ อัดแน่นไม่แพ้ภาคสอง
แฟนหนังไทยงงกันไปพักหนึ่ง ที่จู่ๆ บุญชูดันก้าวกระโดด จาก 1, 2 ไป 5 เฉยเลย จนมีคนถามว่า 3, 4 น่ะไปไหน แล้วคนสมัยนั้นก็เอามาอำกันว่า “อ้อ 3 4 ไปรังสิต” วิญญาณพี่หยอยเข้าสิงแท้ๆ แหม ของเขาแรงจริง
ภาคนี้ทำเงินมากกว่าและได้รับการขนานนามว่าดีกว่าภาคแรก ในแง่คุณภาพ อาจเรียกได้ว่าดีที่สุดในหนังชุดนี้!