X-Men: Days of Future Past ทำการแก้ลำเรื่องราวของหนังชุดนี้อย่างได้ผลครับ หลังจากที่หลายภาคที่ทำออกมาก่อนหน้า ทำแล้วมีจุดขัดกันเองหรือไม่กลมกลืนอยู่หลายอย่าง
X-Men: Days of Future Past ทำการแก้ลำเรื่องราวของหนังชุดนี้อย่างได้ผลครับ หลังจากที่หลายภาคที่ทำออกมาก่อนหน้า ทำแล้วมีจุดขัดกันเองหรือไม่กลมกลืนอยู่หลายอย่าง
The Wolverine อาจเป็นหนังชุด X-Men ภาคที่มีคนชอบพอๆ กับที่มีคนเฉยน่ะนะครับ เพราะปริมาณแอ็กชันไม่เยอะ ลีลาแฟนตาซีสไตล์มิวแตนท์ตีกันก็ไม่มาก เนื้อหาก็ไม่ถึงกับสดใหม่อะไรนัก
มอบตำแหน่งให้เป็นหนังเยี่ยมยุทธ์ที่สุดในบรรดาหนังชุด X-Men และดีเด่นไม่แพ้ Spider-Man 2 ที่ผมยกให้เป็นหนังที่สร้างจากการ์ตูน Marvel ได้แจ๋วที่สุด
และแล้วฤดูซัมเมอร์ก็เวียนมาบรรจบอีกครั้งนะครับ หนังใหญ่เตรียมกระหน่ำมาให้เราชมกัน โดยมีเรื่องนี้เป็นหัวแถวมาโกยเงินก่อนเพื่อน ถ้าดูจากแนวโน้มก็น่าจะรับทรัพย์ล่ะครับ กระแสดีจะตาย ส่วนตัวหนังเองนั้นแม้จะมีการปล่อยแผ่นผีออกมาจน พี่ Hugh Jackman ออกมาบ่นน้อยใจก็เถอะ แต่ยังไงคนที่ตั้งใจจะเดินเข้าโรงไปดูก็คงไม่พลาดล่ะนะครับ ซึ่งผมก็ค่อนข้างเชียร์เลยล่ะ เพราะหนังออกมาสนุก ครบรส มันส์คุ้มค่าตั๋วดี
บีแมน (Nicolas Cage) และ เฟลสัน (Ron Perlman) สองนักรบครูเสดที่ตัดสินใจออกจากการรบที่เต็มไปด้วยการเข่นฆ่าเพื่อกลับบ้านเกิด แต่พอเขาไปถึงก็พบว่าเมืองเต็มไปด้วยโรคระบาด ซึ่งชาวเมืองเชื่อกันว่าเป็นเพราะผู้หญิงคนหนึ่ง (Claire Foy) ที่เป็นแม่มด
แม้ภาคแรกแฟนการ์ตูนจะไม่ได้ชอบนัก แต่อย่างน้อยเด็กๆ ก็ดูสนุกแบบเอิ้กอ้ากไปได้ ทำให้ผู้สร้างเข็นหนังกัปตันอเมริกาออกมาอีกสักรอบ (ฉายทีวีเหมือนเดิม)
I Am Number Four ทำให้นึกถึง Smallville แล้วผสมด้วย Twilight ซึ่งก็ไม่น่าแปลกล่ะครับ เพราะทีมเขียนบทก็คือ Alfred Gough และ Miles Millar คู่หูผู้สร้าง Smallville นั่นแหละ
มีคนรีเควสท์ให้รีวิวนะครับ ก็เลยจัดให้สักหน่อย กับหนึ่งในการ์ตูนเก่าที่มีดี ขนาดที่มาดูซ้ำแต่ก็ยังได้ความรู้สึกดีๆ กลับไปไม่แพ้การ์ตูนใหม่ๆ เลยล่ะครับ (… โดยส่วนตัว ผมว่าให้ความรู้สึกดีกว่าการ์ตูนใหม่ๆ บางเรื่องด้วยนะ)
บอกตรงๆ ว่าผมนับถือพี่ Paul W.S. Anderson แกจริงๆ เพราะแกสามารถเดินหน้าสร้างหนังชุดนี้ออกมาขายได้เรื่อยๆ แม้รายได้จะไม่ล้นและคนดูจะไม่ถึงกับรัก แต่ด้วยความที่พี่แกขยันทำ และตอนทำแต่ละตอนออกมา แม้จะเบาพล็อตแต่ก็ยังตอบสนองความต้องการของคนดูกลุ่มหนึ่งได้ดีพอสมควร เรียกว่าแม้หนังจะไม่ถึงกับยอด แต่ดูแล้วพอจะสะใจบ้าง พอสยองบ้างคนดูกลุ่มนั้นก็พร้อมจะตามไปดูได้เรื่อยๆ
ถ้าให้ว่ากันจริงๆ หนังที่สร้างจากเกม Resident Evil (หรือชื่อคุ้นเคยสำหรับบ้านเราว่า Bio Hazard) มันก็ไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่ไปกว่าเดิม มันก็วนอยู่กับฝูงซอมบี้, ผีชีวะกลายพันธุ์, บริษัทอัมเบรลล่าที่เอาแต่จะทำกำไรทั้งที่โลกหายนะจนไม่รู้จะหายนะยังไงแล้ว, กลุ่มผู้รอดชีวิตที่มักจะเจอหายนะชุดใหญ่ทันทีที่เจ๊อลิซ (Milla Jovovich) นางเอกประจำเรื่องเฉียดกรายเข้ามาในชีวิต (ก่อนหน้านี้ก็อยู่กันดีๆ พอเจ๊แกมางานเข้าทุกรอบ 555)