ปี 7 นี้จะว่าไปมันก็ไม่ถึงกับเด็ดดวงอะไรมากหรอกนะครับ ออกจะด้อยกว่าปีก่อนอยู่เหมือนกันในเรื่องของความสนุกหรือความฮา (เพราะโดยมากมันจะมาเอาภาพตอนเก่าๆ มาให้ดูมากกว่า)
ปี 7 นี้จะว่าไปมันก็ไม่ถึงกับเด็ดดวงอะไรมากหรอกนะครับ ออกจะด้อยกว่าปีก่อนอยู่เหมือนกันในเรื่องของความสนุกหรือความฮา (เพราะโดยมากมันจะมาเอาภาพตอนเก่าๆ มาให้ดูมากกว่า)
ขอรีวิวแบบ 4 ปีรวดนะครับ เพราะช่วงนี้สรุปได้สั้นๆ ว่า “มันยอดเยี่ยมมากๆๆๆๆๆ”
มาปีสองครับ ซึ่งสมัยก่อนเมื่อซักปี 2542 นั้น มันออกเดือนละม้วน ผมก็นั่งกัดฟันรอไป สมัยนี้สบายอย่างครับมันออกเป็นบ็อกเซ็ททีเดียวครบถ้วนเลย แต่ตอนนั้นมันก็เป็นรสชาติอีกแบบครับ
นี่ก็จัดเป็นซีรี่ส์เรื่องแรกๆ ที่ผมดูแบบตั้งใจ (ก่อนหน้านั้นจะเป็นแบบดูมั่งไม่ดูมั่งคับ) และเป็นซีรี่ส์ที่สนุกครบเครื่องมากอีกเรื่องนึง
ช่วงสิ้นปีคือช่วงที่ทีวีหลายๆ ช่องของอเมริกาจะทำหนังที่มีกลิ่นอายของบรรยากาศวันคริสต์มาสออกมาครับ ซึ่งเป็นเรื่องที่ผมว่าเป็นอะไรที่ดีอยู่นะครับ
เอาเข้าจริงผมเป็นคนชอบหนังโรแมนติกครับ แต่เพิ่งมารู้ตัวแบบเต็มๆ เอาระยะหลังๆ ที่หนังรักๆ หวานๆ ดูจะห่างหายไปจากจอเงิน ยิ่งฮอลลึวู้ดนี่ไม่ต้องพูดถึงครับ ซูเปอร์ฮีโร่ครองตลาดแทบจะ 100% อยู่แล้ว
ผมเชื่อว่าคนดูหนังทุกคนจะต้องมีดาราที่เราจดจำได้อย่างรวดเร็วตั้งแต่เห็นครั้งแรก แม้ว่าบทของเขาหรือเธออาจจะไม่ได้เด่นแบบเต็มที่ แต่เราก็รู้สึกว่าถูกชะตาอยู่ลึกๆ แล้วก็อยากเอาใจช่วยให้ดาราคนนั้นๆ ประสบความสำเร็จบนเส้นทางสายนี้
อย่างที่ผมเคยบอกไว้ครับว่าผมชอบดูหนังเกี่ยวกับวันคริสต์มาส แต่ระยะหลังหนังแนวนี้มีน้อยลง จนแทบจะบอกได้เลยว่ามีแค่ช่อง Hallmark เท่านั้นแหละที่พอจะพึงพิงได้ มีการทำหนังคริสต์มาสชวนอบอุ่นหัวใจออกมาเสิร์ฟผู้ชมอยู่ทุกปีๆ
ผลงานรีเมคจากหนังโรแมนติกคลาสสิกเมื่อปี 1954 ที่นำแสดงโดย Humphrey Bogart, Audrey Hepburn และ William Holden ซึ่งผมยังไม่ได้ดูหนังต้นฉบับครับ แม้จะมีแผ่นมารอแต่ก็ตัดสินใจดูฉบับรีเมคนี้ก่อน เพราะได้ยินมานานว่าของเก่าดีกว่าของใหม่มาก เลยขอดูฉบับที่เขาว่าธรรมดาก่อน ไม่งั้นถ้าดูของเก่าที่เขาว่าดีแล้วเกิดมันดีมากจริงๆ เราก็อาจรู้สึกไม่โอกับฉบับนี้หนักขึ้นไปอีกก็ได้
Much Ado About Nothing คือบทละครแนวสุขนาฏกรรมของ William Shakespeare ที่ Kenneth Branagh นำมาดัดแปลงและกำกับ พร้อมด้วยแสดงนำครับ