ผมมองว่าหนังเรื่องนี้ไม่เชิงเป็น Feel Good ครับ และขณะเดียวกันก็ไม่ถึงกับ Feel Real แต่มันออกแนว Feel Warm คือดูแล้วอาจไม่ถึงกับทำให้เรารู้สึกว่าโลกสวยขึ้นมาแบบทันตาเห็น แต่ดูแล้วมันอบอุ่น กินใจ ติดดิน เรียบง่าย และงดงามแบบกำลังเหมาะ
ผมมองว่าหนังเรื่องนี้ไม่เชิงเป็น Feel Good ครับ และขณะเดียวกันก็ไม่ถึงกับ Feel Real แต่มันออกแนว Feel Warm คือดูแล้วอาจไม่ถึงกับทำให้เรารู้สึกว่าโลกสวยขึ้นมาแบบทันตาเห็น แต่ดูแล้วมันอบอุ่น กินใจ ติดดิน เรียบง่าย และงดงามแบบกำลังเหมาะ
หนังเรื่องนี้มันทางของผมชัดๆ ครับ แนวสยอง ลึกลับ น่ากลัวแบบกินบรรยากาศ มีปมปริศนาให้ตาม มีความซับซ้อนให้มึนนิดๆ แบบนี้ล่ะครับ ผมชอบ ^_^
Pitch Perfect กำลังจะปิดตำนานด้วยภาค 3 ที่จะฉายปลายปีนี้น่ะนะครับ บอกตรงๆ เลยว่าผมก็ใจตุ้มๆ ต่อมๆ นะ ว่าหนังจะปิดตำนานได้ดีไหม ซึ้งไหม ว่าง่ายๆ คือแอบเอาใจช่วยอยู่ครับ เพราะลึกๆ ผมก็อยากดูแล้วได้อารมณ์ “อิ่ม” แบบตอนดู Pitch Perfect ภาคแรกอีกสักครั้ง
ระหว่างดูหนังเรื่องนี้ผมก็นึกถึงเรื่องๆ หนึ่งขึ้นมาได้ อันนี้เจอกับตัวเองครับ ตอนนั้นเขียนอยู่ Bloggang เขียนถึง Watchmen เสียยาวยืด ส่วนหนึ่งก็เพราะดูแล้วชอบมากมายเลยร่ายแบบยาวสุดๆ ก่อนจะตบมุกตอนท้ายด้วยคำว่า “ฮาเลลูยา”
สำหรับผมแล้ว ซิงเกิลเลดี้ เพราะเคยมีแฟน คล่องคอกว่าที่ผมคิดครับ ตอนแรกก็ตกใจนะ หนังโรแมนติกคอเมดี้แต่ยาว 2 ชั่วโมงครึ่ง ก็แอบคิดอยู่ครับว่ามันจะยาวไปหน่อยไหม
จำได้ว่าประมาณปี 2537 ผมได้เจอกับหนังที่เพี้ยนที่สุดเท่าที่เคยดูมา และประเด็นสำคัญคือผมดันชอบเอามากๆ ซะด้วย… หนังที่ว่าคือ มังกรหยก หยกก๊าหว่า
ภรรยาผมพูดขึ้นหลังดูหนังเรื่องนี้จบว่า “เราไม่มีโอกาสที่จะทำให้วันไหนดีขึ้นได้ นอกจากวันนี้… ว่าอย่างนั้นมั้ย?” แล้วผมก็พยักหน้าตอบรับครับ ^_^ (บอกก่อนครับ บทความนี้ยาว เพราะหนังมันถูกจริตมากมาย)
“การอ่านนั้นเปี่ยมคุณค่า… แต่บางครั้งการอ่านก็สร้างข้อจำกัดให้กับชีวิต แบบที่เราเอง อาจคาดไม่ถึง”
“ทำไมต้องกังวลว่าเราจะทำได้ดีหรือไม่? การไม่ได้ทำต่างหากล่ะครับ ที่น่ากังวลกว่า”
หลังจากผมได้ชม The Day The Earth Stood Still จบ รู้ไหมครับว่าผมนึกถึงอะไร…