คนทำหนังเรื่องนี้ก็ช่างคิดเหลือหลายครับ พล็อตเรื่องมันน่าสนใจมาก การเดินเรื่องเอาเข้าจริงๆ มันไม่ได้หวือหวา แต่มันมีอะไรชวนให้ติดตามตลอดตั้งแต่ต้นจนจบ
คนทำหนังเรื่องนี้ก็ช่างคิดเหลือหลายครับ พล็อตเรื่องมันน่าสนใจมาก การเดินเรื่องเอาเข้าจริงๆ มันไม่ได้หวือหวา แต่มันมีอะไรชวนให้ติดตามตลอดตั้งแต่ต้นจนจบ
ผลงานการกำกับและเขียนบทเรื่องแรกของ Guillermo del Toro แห่ง Hellboy ทั้งสองภาคนะครับ นี่คืองานชิ้นแจ้งเกิดของพี่แก
ท่านเคยจินตนาการไว้ไหมครับว่า ถ้าเครื่องใช้ไฟฟ้าของท่านเกิดเฮี้ยนมีผีสิงหรือสิงชั่วร้ายเข้าไปอยู่อาศัยแล้วก่อการประทุษร้ายท่านมันจะน่ากลัวแค่ไหน
บางครั้งคนรักหนังไม่ได้ต้องการอะไรนอกจากหนังดูสนุกซักเรื่อง ส่วนจะใหม่หรือไม่ก็ไว้ว่ากันอีกที
จำได้ตอนหนังเรื่องนี้ออกฉาย รายได้เปิดตัวไม่ได้มากมายอะไรนะ แค่ 19 ล้านเหรียญ จนผมคิดว่าหนังคงไปไม่ได้ไกล แต่ไปๆ มาๆ ดันยืนโรงโกยไปถึง 106 ล้านเสียอย่างนั้น ในใจก็เดาว่ามันต้องมีดีบ้างล่ะครับ ถึงทำได้ขนาดนี้ เพราะปกติหนังที่อาศัยคำพูดปากต่อปากจนดันรายได้ให้ถึงร้อยล้านนี่มักเป็นหนังชีวิตหวังออสการ์อะไรโน่น ไม่ค่อยเกิดกับหนังบู๊เท่าไหร่ ก็เลยลองลิ้มดู ปรากฏว่าชอบครับ
สารภาพเลยครับว่าผมไม่เคยอ่านฉบับนิยายมาก่อน ดังนั้นหากจะมองแตกต่างจากแฟนนิยายก็อย่าว่ากันเน้อ
ผมมั่นใจได้เลยว่าฝันร้ายอย่างหนึ่งที่ไม่มีพ่อแม่คนไหนอยากให้เกิด คือ เรื่องร้ายๆ ที่จะมาแพ้วพาลลูกตนเอง
นี่ถือเป็นอีกเวอร์ชั่นหนึ่งของหนังแฟรงเกนสไตน์ครับ แต่ไม่ใช่สไตล์เดิมๆ นะครับ มันมีการผสมผสานผูกเรื่องใส่สิ่งใหม่ๆ และเติมจินตนาการลงไปด้วย
งานกำกับอีกหนึ่งชิ้นของ George A. Romero ผู้สร้างสรรค์ตำนานสยอง Night of the Living Dead เจ้าตำรับนั่นเองครับ ครั้งนี้เขาก็ลงมือดัดแปลงเรื่องราวจากนิยายของ Michael Stewart ด้วยตนเอง
ช่วงที่หนังเข้าโรงผมกำลังคลั่งไคล้งานของลุง John Carpenter อยู่พอดี ผมเลยตัดสินใจตรงดิ่งเข้าโรงไปดูหนังเรื่องนี้ของแกครับ คิดว่าน่าสนใจด้วย แต่ก็ทำใจไว้หน่อยๆ เพราะงานของลุง John เป็นประเภทอย่าไปตั้งความหวัง นอกจากงานเก่าๆ อย่าง The Thing หรือ Halloween แล้ว หนังยุคใหม่ก็มีทั้งที่หวังได้และหวังไม่ได้ ส่วนเรื่องนี้เข้าอีหรอบหลังครับ