หนังเรื่องนี้เคยเข้าฉายในโรงบ้านเราด้วยนะครับ และถ้าจำไม่ผิดรู้สึกว่าคนดูส่วนมากจะไม่ค่อยชอบ ดูแล้วก็รู้สึกเฉยๆ นะครับ หนังเลยไม่ค่อยดังเท่าไหร่ ส่วนผมก็ดูหนังตอนออกเป็นวีดีโอแล้วน่ะครับ พอดูเสร็จก็ไม่มีอะไรมาก แค่ตามซื้อมาครอบครองในบัดดล
หนังเรื่องนี้เคยเข้าฉายในโรงบ้านเราด้วยนะครับ และถ้าจำไม่ผิดรู้สึกว่าคนดูส่วนมากจะไม่ค่อยชอบ ดูแล้วก็รู้สึกเฉยๆ นะครับ หนังเลยไม่ค่อยดังเท่าไหร่ ส่วนผมก็ดูหนังตอนออกเป็นวีดีโอแล้วน่ะครับ พอดูเสร็จก็ไม่มีอะไรมาก แค่ตามซื้อมาครอบครองในบัดดล
หลังจากภาคแรกโกยเงินแล้วนะครับ ทาง Warner Bros ก็อยากทำภาคต่อในทันที แต่ผู้กำกับ Joe Dante เจ้าเก่าก็บอกปัดไป เนื่องจากเขารู้สึกว่า “อิ่ม” กับเรื่องราวของเกรมลินส์ไปแล้ว เลยทำให้โปรเจคท์ภาคต่อเดินหน้าโดยไม่มี Dante และมีการทาบทามผู้กำกับมากหน้าหลายตนมาทำ ในขณะที่พล็อตก็มีหลายแบบ ตั้งแต่จับพวกเกรมลินส์ไปอาละวาดที่ลาสเวกัส ไปจนถึงให้มันบุกดาวอังคาร
แรนดัล เพลท์เซอร์ (Hoyt Axton) คือนักประดิษฐ์ผู้ชอบเดินทางไปขายของที่เขาคิดค้นขึ้นมาได้ ระหว่างการเดินทางครั้งหนึ่ง เขาได้แวะไปยังร้านขายของแปลกๆ แห่งหนึ่ง และสถานที่นั้นก็มีของประหลาดมากมาย แต่เขาเตะตาของอยู่ชิ้นหนึ่ง … ต้องบอกว่าตัวนึงถึงจะถูก มันคือ ม็อกไกว เจ้าตัวเล็กๆ ขนปุยที่น่ารักและน่าเลี้ยง เขาไม่รอช้าที่จะซื้อไปฝาก บิลลี่ (Zach Galligan) ลูกชายวัยรุ่นของเขา
ยอมรับเลยครับว่าตอนดูหนังไปได้ครึ่งเรื่อง ความคิดที่ผุดขึ้นในใจคือ “สงสัยเราจะไม่เขียนอะไรเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้แฮะ” เพราะรู้สึกเฉยๆ น่ะครับ ถ้าให้จำกัดความก็คงต้องบอกว่าไม่แนว ไม่รู้สึกปิ๊งปั๊งอะไรกับตัวหนังเท่าไร
หลังจากภาคที่แล้ว บริษัทโดนปิดไป เนื่องจากการปราบเจ้าโกเซอร์งวดก่อนมันถล่มเมืองไปเยอะครับ พวกนักปราบผีของเราเลยโดนฟ้งเรียกค่าเสียหายจนเจ๊งบ๊งกันไป แต่แล้ว 5 ปีต่อมาพวกเขาก็กลับมาอีกครั้ง เพราะเริ่มมีความชั่วร้ายก่อตัวขึ้นใต้กรุงนิวยอร์ค มันคือเมือกสีชมพูที่สามารถโต้ตอบอารมณ์ต่อคนได้ และสามารถทำให้คนคิดชั่วทำชั่วได้สารพัดหากไปสัมผัสมันเข้าล่ะ
ดร.ปีเตอร์ เวงแมน (Bill Murray), ดร.เรย์มอนด์ สแตนซ์ (Dan Aykroyd) และ ดร.อีกอน สเปงเลอร์ (Harold Ramis) คือ 3 นักวิทยาศาสตร์ผู้คิดค้นเครื่องมือจับผีขึ้นมาได้ และเปิดเป็นบริษัทรับจ้างปราบผีทั่วราชอาณาจักร ซึ่งก็ได้รับความนิยมอย่างมหาศาลเพราะผีโผล่มาให้ปราบเพียบไปหมด
เรื่องนี้ถือว่ามาทางเดียวกับ Knight of Cups ครับ ว่าด้วยชายผู้สับสนและหลงทาง หลังเกิดวิกฤติบางอย่างในชีวิตและจิตใจ ตัวหนังก็จะออกแนวสับสนและรอการค้นหาอยู่หน่อยๆ
จริงๆ ท่านแทบจะไม่ต้องมาอ่านบทวิจารณ์ของผมหรือของใครทั้งสิ้นล่ะครับ เพราะเชื่อเถอะถ้าท่านอยากดูล่ะเป็นตรงรี่เข้าไปดูตั้งแต่วันที่มันเข้าแล้วจริงมั้ยครับ เห็นๆ อยู่หนังมันเกี่ยวกับงูไล่กัดคนน่ะ ลองว่าชอบแนวนี้ต่อให้มีอนาคอนด้ามาพันขาท่านก็คงต้องตามไปดูล่ะจริงมั้ยครับ
ใครชอบหนังสไตล์แข่งกับเวลาแบบ 24 หรือ สไตล์ที่ตัวเอกต้องมาเจอกับสถานการณ์จนตรอกแข่งกับเวลาเพื่อเอาชีวิตรอดและหาทางช่วยชีวิตคนแบบ Red Eye หรือ Cellular ก็เห็นทีว่าผมต้องยัดเยียดหนังเรื่องนี้ให้ท่านดูไม่ทางใดก็ทางหนึ่งล่ะครับ
ผมขอร่ายถึงหนังแนวถนัดที่ดูบ่อยๆ กับแนวไซไฟ ระทึกขวัญของผู้กำกับคนนี้ … John Carpenter