การเดินทางในตอนนี้จะเริ่มที่ชายฝั่งของเกาะฟอร์เมนเทอรา (Formentera) แล้วก็ข้ามไปยังเกาะอีบีซา (Ibiza) ที่เมืองซาน อันโตนิโอ (San Antonio) แล้วก็ขึ้นเหนือไปที่เมืองพอร์ทินัทซ์ (Portinax) จากนั้นก็ตวัดล่องใต้ไปยังเมืองอีบีซา (Ibiza Town) อันเป็นการปิดท้ายการเดินทางครั้งนี้
ตอนนี้นี่ใครชอบบรรยากาศของเกาะ ประเภทหาดทรายขาวและน้ำทะเลสีมรกตล่ะก็ เชื่อว่าน่าจะโดนใจครับเพราะเราจะได้เห็นวิวแบบนั้นกันแบบจัดเต็ม โดยเรามาเริ่มกันที่เกาะฟอร์เมนเทอรา เกาะที่มีขนาดพอๆ กับแมนฮัตตันในอเมริกา แต่ประชากรมีน้อยกว่ามากครับ น่าจะราวๆ หมื่นคนเท่านั้น และพื้นที่กว่า 70% ก็ได้รับการอนุรักษ์ไว้ ทำให้ใครก็ตามที่ชอบธรรมชาติตามแบบที่มันเป็นก็น่าจะชื่นชอบเกาะแห่งนี้ ซึ่งกล่าวกันว่าในช่วงยุค 60 – 70 เกาะแห่งนี้คือจุดหมายปลายทางที่เหล่าบุปผาชนมักจะพากันมาพักผ่อนที่นี่
และเกาะก็ยังมีถ้ำครับ ซึ่งกล่าวกันว่าราวศตวรรษที่ 18 ถ้ำใหญ่ของที่นี่เป็นรังลับของโจรสลัดจากแอฟริกาเหนือที่มาเก็บซ่อนสมบัติที่ปล้นมาไว้ในถ้ำซึ่งปัจจุบันเปิดให้นักท่องเที่ยวสามารถแวะเวียนเข้าไปสำรวจได้ และแน่นอนว่ารายได้หลักของเกาะนี้คือรายได้จากการท่องเที่ยวครับ แต่กระนั้นที่พักบนเกาะก็มีอย่างจำกัด และยังมีการห้ามไม่ให้ตั้งแคมป์ด้วย ซึ่งในแง่ดีก็ถือเป็นเรื่องดีเพราะนั่นทำให้พื้นที่บนเกาะไม่ถูกล่วงล้ำโดยมนุษย์มากนัก
อย่างที่บอกครับว่าตอนนี้วิวจะหนักไปทางที่โล่ง หน้าผา ชายหาด และทะเล แต่ถ้าใครอยากเห็นความเขียวขจีที่เกาะอีบีซ่าก็ยังมีทิวทัศน์เหล่านั้นให้เราชมครับ ทางด้านตะวันตกของเกาะ เราจะได้เห็นต้นไม้ขึ้นหนาทีเดียว อันเนื่องมาจากอากาศที่อบอุ่นและมีแสงแดดส่องตลอดทั้งปี บริเวณนี้ของเกาะจึงมีความเขียวขจีที่เห็นแล้วชุ่มชื่นใจ และยังทำให้ชาวกรีกที่เคยบุกมายังดินแดนแห่งนี้ตั้งชื่อให้ว่า The Islas Pitiusas ซึ่งหมายความว่าเกาะแห่งป่าสน
และผีนป่าแห่งนี้ยังมีความพิเศษตรงที่พื้นดินจะมีสีส้มครับ อันเนื่องมาจากลูกสนที่ร่วงหล่นมาจากต้นมีสารแทนนิน ซึ่งส่งผลให้ผืนดินมีสีดังกล่าวนั่นเอง
ส่วนเขตเมืองซานอันโตนิโอนั้น ก็ขึ้นชื่อเรื่องคัลบเรื่องบาร์และแหล่งท่องเที่ยวยามราตรีครับ ซึ่งนั่นก็นำมาสู่ปัญหาเมื่อนักท่องเที่ยวเมามายและทำอะไรที่ไม่เหมาะสมจนทำให้ภาพลักษณ์ของเมืองต้องเสียไปอยู่เนืองๆ แต่กระนั้นเจ้าหน้าที่บนเกาะก็ทำอะไรไม่ได้มากครับ เพราะรายได้ของเกาะส่วนใหญ่ก็มาจากนักท่องเที่ยวเหล่านี้นี่แหละ ซึ่งกล่าวกันว่ารายได้จากการท่องเที่ยวในเมืองนี้มีมูลค่านับพันล้านทีเดียว – เป็นเรื่องที่ได้อย่างเสียอย่างจริงๆ ครับ
อีกหนึ่งเรื่องที่คอหนังอย่างผมไม่อาจลืมได้ก็คือ ที่แห่งนี้่ยังเป็นสถานที่ที่ใช้ในการถ่ายทำบางช่วงบางฉากของหนัง South Pacific อีกด้วย
และหากใครที่อยากไปเที่ยวเกาะแห่งนี้โดยไม่สันทัดกับแหล่งเริงรมย์มากนัก ที่นี่ก็ยังมีหมู่บ้านเอส คานาร์ (Es Canar) ที่เต็มไปด้วยรีสอร์ทที่เหมาะสำหรับการเที่ยวแบบครอบครัว ที่นี่มีตลาดขายสินค้าของเหล่าบุปผาชนในช่วงสุดสัปดาห์ ทั้งงานแฮนด์เมด อัญมณี และเสื้อผ้า ซึ่งถิ่นนี่ถือเป็นเขตที่ค่อนข้างสงบ ห่างไกลจากความวุ่นวาย
ใครอยากรู้จักเกาะฟอร์เมนเทอราและอีบีซามากขึ้น ตอนนี้เหมาะแก่การรับชมครับ
สองดาวครึ่งครับ
(7/10)












