เรื่องนี้ถือว่าผสมๆ กันระหว่างหนังวันคริสต์มาส บวกหนังย้อนยุค แล้วก็ยังเป็นหนังชีวประวัติอีกด้วย และผลลัพธ์ที่ได้นี่ต้องนับว่าน่าพอใจทีเดียว

หนังบอกเล่าเรื่องราวของกวีเอกแห่งอเมริกา เฮนรี วอดส์เวิร์ท ลองเฟลโลว์ (Stephen Atherholt) โดยจะเล่าตั้งแต่ช่วงที่เฮนรีใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับแฟนนี่ (Rachel Day Hughes) ภรรยาผู้แสนน่ารักของเขา เรื่อยมาจนถึงช่วงที่อเมริกาเกิดสงครามกลางเมือง แล้วลูกชายเขาที่ชื่อว่าชาร์ลีย์ (Jonathan Blair) อยากออกสู่สนามรบไปรับใช้ชาติ แล้วหนังก็มาจบลงตอนที่เขาแต่งบทกวีอมตะที่ชื่อ Christmas Bells ในปี 1863

สิ่งแรกที่ผมต้องแจ้งไว้ก่อนคือเรื่องนี้ออกแนวเป็นเชิงศาสนาครับ (บางคนก็อาจเรียกว่าเป็นหนังคริสเตียน) ซึ่งที่ต้องแจ้งไว้ก็เพราะบางท่านอาจไม่สันทัดในหนังแนวนี้สักเท่าไหร่ ในขณะที่ผมนั้นไม่มีปัญหาครับ เพราะจุดสำคัญที่ผมใส่ใจมันอยู่ตรงที่ว่าหนังทำออกมาสนุกไหม? กลมกล่อมไหม? เข้าท่าจนน่าบอกต่อให้คนอื่นๆ ตามมาดูไหม? เหล่านี้มากกว่าที่ผมคำนึง

และตามที่ผมรู้สึกก็คือ หนังเรื่องนี้อยู่ในข่ายดีเลยครับ

เท่าที่ทราบคือเรื่องนี้เป็นผลงานภาพยนตร์ชิ้นแรกของสตูดิโอ Sight & Sound ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องการทำละครเวทีที่ยิ่งใหญ่อลังการ โดยจะเน้นถ่ายทอดเรื่องราวจะพระคัมภีร์ ซึ่งผมก็สารภาพว่าไม่ได้คุ้นเคยน่ะนะครับ แต่อย่างหนึ่งที่บอกได้คืองานโปรดักชั่นของหนังนี่ต้องนับว่าชั้นหนึ่งเลยล่ะ ทำได้ถึงมาก เอาแค่ช่วงต้นกับฉากในบ้านลองเฟลโลว์นี่ถือว่าจัดได้ดีมาก คือดูเป็นบ้านแบบย้อนยุคจริงๆ แล้วก็ดูอบอุ่น สวยงามราวกับภาพวาด ซึ่งฉากเนี่ยจัดได้ดี ถ่ายภาพก็ถ่ายออกมาสวย คือมันเตะตาถูกใจผมตั้งแต่ช่วงแรกๆ เลยน่ะครับ

หรืออย่างดนตรีฝีมือของ Chad Marriott นี่ ท่วงทำนองก็ออกมาละมุน อบอุ่น อ่อนโยน หลายช่วงนี่ถึงขั้นกินใจเอาเรื่อง และที่สำคัญคือได้อารมณ์ย้อนยุคแบบกำลังดีครับ เข้ากับโทนเรื่องและบรรยากาศของหนังเอามากๆ

ยอมรับครับว่าระหว่างดูก็แอบรู้สึกว่าหนังมีความเหมือนละครเวทีอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ใช่ปัญหานะครับ เพราะถ้ามองโดยรวมผมว่าหนังทำได้ดีทีเดียว เรื่องราวก็เล่าได้น่าติดตาม ส่วนนักแสดงก็อาจจะหน้าไม่คุ้นนะครับ ในแง่การแสดงก็ถือว่าดีในระดับหนึ่ง แต่ก็อดคิดไม่ได้น่ะครับว่าถ้าหนังได้ดาราที่คล่องมือกับการเล่นหนังเข้ากล้องมากกว่านี้อีกหน่อย ความเข้มข้นในเชิงดราม่า หรือความอินของคนดูอาจจะมากกว่านี้ก็ได้

โดยรวมคือชอบครับ ในแง่ภาษาหนังอาจยังไม่เด็ดขาดเต็มขั้น รวมถึงเรื่องบทที่อาจจะลึกซึ้งได้อีก แต่ด้วยงานสร้างที่ถึงฟอร์ม และองค์ประกอบอื่นๆ ที่ถือว่าอยู่ในข่ายดี ก็ทำให้หนังเรื่องนี้คุ้มค่ากับการดูครับ

สรุปว่าใครที่ชอบดูหนังวันคริสต์มาส ชอบหนังเสริมพลังใจ หรืออยากทราบเรื่องราวชีวประวัติของ Henry Wadsworth Longfellow ล่ะก็ เรื่องนี้คือหนังที่ท่านควรดูสักครั้งคราครับ

สองดาวครึ่งครับ

(7/10)