Christmas Movies

Ernest Saves Christmas (1988) บ๊องส์ ตอน ผจญภัยคริสต์มาส

ว่างเว้นไปนานก็กะจะมาต่อให้จบครับ ว่าจะเขียนเกี่ยวกับหนังชุด Ernest P. Worrell ให้ครบชุดกันไป และนี่คือหนังโรงเรื่องที่ 2 ของนายเออร์เนสต์ครับ

หนนี้เออร์เนสต์ (Jim Varney) เป็นคนขับแท็กซี่ผู้แสนจะชื่นชอบวันคริสต์มาส แล้วทีนี้เขาก้ได้รับชายชราคนหนึ่ง (Douglas Seale) มาจากสนามบิน พอคุยไปคุยมาก็ได้ความว่าเขาคือซานตาคลอสซึ่งก็แน่นอนว่าเออร์เนสต์ไม่เชื่อเท่าไหร่หรอกครับ จนกระทั่งมีเหตุวุ่นวายมากมายสารพัดอันทำให้เขาตระหนักว่าเขาได้เจอกับซานต้าตัวจริงเข้าให้แล้ว

ส่วนซานต้านั้นก็มาที่นี่เพื่อส่งจะส่งต่อหน้าที่ซานต้าให้กับโจ คาร์รูเธอร์ส (Oliver Clark) นักจัดรายการสำหรับเด็กชื่อดัง แต่ประเด็นคือโจเองก็ไม่เชื่อว่าชายชราคนนี้คือซานต้าเนี่ยสิ งานนี้เออร์เนสต์เลยต้องหาทางช่วยภารกิจของลุงซานต้าให้สัมฤทธิ์ผลให้จงได้

สมัยเด็กๆ ผมดูแล้วชอบครับ ครั้นมาดูตอนโตก็ยอมรับนะว่าก็สัมผัสได้ถึงจุดโหวงจุดโหว่หรือช่วงที่ยังสนุกได้อีกของหนัง ความชอบเลยอาจจะไม่มากเท่าสมัยก่อน แต่กระนั้นผมก็ยังเพลินกับหนังอยู่ครับ พลังสำคัญก็ต้องยกให้ Varney ที่นอกจากจะเป็นเออร์เนสต์ได้อย่างลื่นไหลแล้ว พี่แกยังต้องมีปลอมตัวเพื่อภารกิจอีกเป็นพักๆ ด้วยครับ ซึ่งนั่นก็เป็นอีกหนึ่งของสนุกในหนังชุดนี้นะ ได้เห็น Varney ปลอมเป็นคนแก่บ้าง ปลอมเป็นเจ้าหน้าที่รัฐบ้าง มันก็สร้างความบันเทิงให้พอได้อยู่

ในแง่ความบันเทิงก็ถือว่าหนังตอบโจทย์ได้ไม่เลวครับ แม้ใจลึกๆ จะอยากให้หนังเหยาะความซึ้ง ความกินใจ หรือความอบอุ่นเพิ่มลงไปอีกหน่อยก็ตาม คือเท่าที่หนังเป็นนี่มันก็พอมีน่ะครับ แต่ก็เพียงแค่ระดับหนึ่ง นี่ถ้าหากหนังชงให้อบอุ่นกว่านี้และถึงอารมณ์กว่านี้ล่ะก็ นี่คงเป็นหนึ่งในหนังคริสต์มาสในดวงใจผมแน่ๆ

แต่ก็นั่นล่ะครับ ถ้าดูแบบไม่คิดมากมันก็ยังสนุกตามสไตล์หนังนายเออร์เนสต์ ที่ผสมความบ๊องความต๊องและแฟนตาซีแบบครอบครัวลงมาได้โอเค และผมเพิ่งมารู้ตอนดูรอบหลังนี่แหละว่าคอมโพเซอร์ทำดนตรีให้หนังเรื่องนี้คือ Mark Snow ที่ในเวลาต่อมาจะดังเต็มพิกัดไปกับ The X-Files ซึ่งสำหรับดนตรีในเรื่องนี่ก็ถือว่าได้อารมณ์วันคริสต์มาสในระดับที่น่าพอใจครับ

แล้วก็ตามเคยครับ นอกจาก Varney แล้ว ก็ต้องมีดาราที่ยกกันมาจากงานชิ้นก่อนๆ ซึ่งก็คือ Gailard Sartain กับ Bill Byrge มาเป็นคู่หูคู่แปลกที่เจอกับเรื่องวุ่นๆ ว่าด้วยกวางเรนเดียร์ และ Daniel Butler กับ Jackie Welch ก็มาเป็น 2 เจ้าหน้าที่กองควบคุมสัตว์ที่วิ่งแทบไม่ทันเมื่อเจอเรนเดียร์เหาะได้ต่อหน้าต่อตา

ทีนี้เรามาฟังเบื้องหลังหนังกันครับ คือตอนแรกนี่จริงๆ ผู้กำกับ John R. Cherry III คิดจะทำภาคต่อของ Ernest Goes to Camp ในชื่อเรื่องว่า Ernest and the Cave of the Voodoo King โดยเนื้อเรื่องจะเกี่ยวกับเออร์เนสต์ไปร่วมรายการเกมโชว์แนวหาคู่ที่ชื่อว่า Love Conjunction แล้วดันชนะครับ – เหตุผลที่พี่แกชนะก็เพราะตอนนั้นเขาเกิดฉลาดขึ้นมาหนึ่งอึดใจ เลยชนะการแข่งไปโดยปริยาย – จากนั้นเขาก็ได้ไปทริปเดตกับสาวนางหนึ่งที่เกาะชื่อว่าเฮด ที่ซึ่งชาวเกาะนั้นได้หมายตาหญิงสาวที่ไปเดตกับเออร์เนสต์เอาไว้ เพราะเธอเป็นสาวพรหมจรรย์ครับ พวกนั้นเลยจะนำเธอไปบูชายัญ อันที่ให้เออร์เนสต์ต้องผจญกับวูดู, นักบวชวายร้าย, ยาพิษมนตราของวูดู แล้วก็เหล่าซอมบี้

แต่พอมีคนเกิดปิ๊งไอเดียเรื่องคริสต์มาสขึ้นมา บทหนังที่ว่าเลยถูกพักไว้ก่อน แล้วทีมงานก็หันมาปั่น ภาค Christmas นี่แทน ซึ่ง Ernest ภาคที่ว่านี่ก็ว่าจะสร้างๆ อยู่หลายปีครับ แต่ในที่สุดมันก็ไม่เคยถูกทำเป็นหนังจริงๆ ซะที

ทีนี้พอทีมงานเลือกที่จะทำ ภาค Christmas ไอเดียแรกๆ เลยก็คือบทจะกำหนดให้เออร์เนสต์คือผู้สืบทอดเป็นซานต้าคนต่อไป ซึ่ง Cherry ชอบไอเดียนี้มาก แต่ทางสตูดิโอ Disney เบรคดังเอี๊ยดเลยครับ พวกเขาแทงเรื่องลงมาเลยว่าไม่เห็นด้วยกับการที่จะให้เออร์เนสต์เป็นซานต้า จนในที่สุดบทก็ต้องเปลี่ยนเป็นให้เออร์เนสต์ช่วยซานต้าหาผู้สืบทอดแทน

แล้วพอถึงวันฉายหนังรอบทดลองที่เมืองเบอร์แบงค์ หลังฉายจบ โต้โผใหญ่ของ Disney ในตอนนั้นอย่าง Michael Eisner และ Jeffrey Katzenburg ก็บอกให้ผู้กำกับ Cherry รีบไปพบพวกเขาด่วนที่สุด! เท่านั้นล่ะครับ Cherry หน้าถอดสีเลย เพราะเขาคิดว่าสงสัยโดนเล่นแน่ โดนบอกเลิกสัญญาแน่นอน แต่กลายเป็นว่าหนังเรื่องนี้สนุกถูกใจพวกเขามาก จนส่งผลให้พวกเขาตัดสินใจเปลี่ยนสัญญา จากเดิมที่ระบุให้ทำหนัง Ernest ให้ Disney จำนวน 3 เรื่อง ก็ถูกขยายกลายเป็น 6 เรื่องในทันที – แน่นอนว่า Cherry โคตรโล่งอกครับ

และตอนออกฉายหนังก็ไม่ทำให้คนทำต้องเหนื่อยเปล่าครับ เพราะหนังทำเงินทั่วโลกไปราว $28 ล้าน ซึ่งถือว่ามากที่สุดในบรรดาหนัง Ernest ทั้งหมด โดยทุนสร้างน่ะเพิ่งจะ $6.5 ล้านเท่านั้น เรียกว่ากำไรสวยงามทีเดียว และ Ernest ภาคนี้ยังได้รับการบันทึกไว้ว่าเป็นภาคเดียวที่ได้ฉายตามโรงในตลาดต่างประเทศนอกจากอเมริกา และนี่ยังเป็นภาคที่ Cherry ชอบที่สุดด้วยครับ

อีกหนึ่งอย่างที่น่ารู้สำหรับแฟนๆ ของเออร์เนสต์ก็คือ นี่คือหนัง Ernest เพียงภาคเดียวที่ “เวิร์น” ตัวละครที่ไม่มีใครเคยเห็นหน้า แต่เจอเออร์เนสต์มาป่วนชีวิตประจำ ได้มีบทบาทให้หนังครับ – นี่คือไม่นับภาค Ernest Goes to Splash Mountain ที่เป็นหนังทีวีตอนพิเศษนะ

เอาเป็นว่าถ้าใครชอบนายเออร์เนสต์คนนี้ก็น่าจะสนุกกับหนังอยู่ล่ะครับ แม้มันจะไม่ได้สมบูรณ์แบบอะไร แต่มันก็คือหนังที่ทำให้เรายิ้มได้ เพลิดเพลินได้ และแฮปปี้ได้เมื่อวันวาน – ใครเคยผ่านยุค 80 – 90 มาก็คงนึกภาพออกน่ะครับว่าผมหมายถึงอะไร

สองดาวกว่าๆ ครับ

(6.5/10)