หนังแนวตลกสไตล์ฝนตกขี้หมูไหลบวด้วยความยียวนกวนบาทาของผู้กำกับ Guy Ritchie ครับ
เรื่องพล็อตนี่ขอข้ามเลยนะครับ ไม่เล่าล่ะ เพราะรายละเอียดมันเยอะ หลักๆ คือเรื่องของเหล่าตัวละครที่ชีวิตมาเกี่ยวพันกันในโลกของอาชญากรหรือเจ้าพ่อมาเฟียทั้งหลาย ลีลาหนังก็จะเล่าแบบต่อเนื่องไปเรื่อยๆ เดี๋ยวคนนั้นก็ไปเจอคนนี้ เดี๋ยวคนนี้ก็ได้ไปเกี่ยวกับคนนั้น ต่อกันไปจนจบ แต่หนังก็มีปมหลักอยู่ครับ ส่วนจะเป็นอะไรนั้นไปดูเองตามเองน่าจะดีที่สุด
นี่ไม่ใช่หนังที่เหมาะสำหรับทุกคนครับ ที่ต้องบอกอย่างแรกเลยคือนี่ไม่ใช่หนังแอ็คชั่น ไม่ใช่หนังระทึกขวัญ ไม่ใช่หนังสืบสวน แต่มันก็จะมีส่วนผสมของแนวเหล่านั้นรวมๆ กันอย่างละนิดละหน่อย แต่หลักๆ มันจะออกแนวเบาสมอง ส่วนใหญ่ก็จะสะท้อนพฤติกรรมที่น่าขันหรือความเยอะของเหล่าตัวละคร ที่บางคนกว่าจะทำอะไรทีก็ต้องมีพิธีรีตรองมีสไตล์ประจำตัว ในขณะที่บางคนไม่สนอะไร นึกจะทำก็ทำ นึกจะลุยก็ลุย
หนังพูดกันทั้งเรื่องครับ ซึ่งอาจทำให้หลายคนนึกถึงหนังของ Quentin Tarantino แต่โดยส่วนตัวผมว่ามันจะมีความต่างกันอยู่ อย่างหนังของ Tarantino นั้นมันจะมีอะไรสอดแทรกสะท้อนอยู่ในบทพูดที่มักจะยิงกันแบบยาวๆ แต่กับ Ritchie นี่จะออกแนวฤทธิ์มีดสั้น คือมาเป็นชุดๆ ยิงเป็นช่วงๆ เหมือนดูตอนสั้นๆ ของเหตุการณ์มาร้อยเรียงเข้าด้วยกัน
เหล่าดาราก็เลือกมาได้เหมาะครับ แต่ละคนก็มีวาระขโมยซีนของตัวเอง เรื่องราวก็เดินแบบฉับไว แต่ก็อย่างที่บอกครับ ไม่ใช่ทุกคนหรอกที่จะชอบ บางคนอาจรู้สึกว่าหนังไม่มีอะไรเลย จับต้องอะไรไม่ได้ หรือเรื่องราวดูไม่เป็นชิ้นเป็นอัน มันเป็นเรื่องความชอบของแต่ละคนจริงๆ นั่นแหละ อย่างผมสมัยก่อนตอนดูรอบแรกนี่ก็ไม่ใช่ว่าชอบนะ ช่วงต้นๆ มีแอบสัปหงกจะหลับด้วย แต่พอเวลาผ่านไปเอามาดูใหม่ก็เพลินไปกับลีลายียวนแบบนี้มากขึ้น มันสนุกตรงการสังเกตรายละเอียด สังเกตจุดเชื่อมต่างๆ ใครชอบหนังแนวนี้ก็น่าจะถูกใจกันล่ะครับ
ส่วนการมาของ Brad Pitt นั้นก็เพราะเขาเป็นแฟนตัวยงของ Lock, Stock and Two Smoking Barrels งานชิ้นก่อนหน้าของ Ritchie แล้วเขาก็ตรงดิ่งมาหา Ritchie เพื่อขอร่วมงานด้วยกันสักครั้ง – และอีกเหตุผลหนึ่งก็คือเขาอยากเล่นหนังนอกกระแสบ้าง – ซึ่งตอนแรก Ritchie จะให้ Pitt มารับบทเทอร์กิช แต่ติดอยู่ตรงที่ Pitt พูดสำเนียงแบบคนลอนดอนยังไม่เนียน ก็เลยโยกให้เขามารับบทนักมวยยิปซีแทน ส่วนบทเทอร์กิชก็ส่งต่อให้ Jason Statham ไป
ว่ากันว่าจริงๆ Pitt ไม่ค่อยอยากเล่นเป็นนักมวยอีก เพราะเขาเพิ่งเล่นบทคล้ายๆ กันมาใน Fight Club แต่ด้วยเหตุที่ว่าเขาอยากร่วมงานกับ Ritchie แบบสุดกำลัง Pitt เลยยอมตอบตกลง
ส่วนบทเจ้าพ่อบริค ท็อปตอนแรกก็มีการทาบทามให้ Sean Connery มาแสดง ซึ่ง Connery ก็สนใจนะครับ เขาชอบสคริปมาก แต่เขายังไม่เคยดู Lock, Stock and Two Smoking Barrels ซึ่งเขาอยากดูสักรอบก่อนแล้วค่อยตัดสินใจว่าจะเอายังไง แล้ว Matthew Vaughn (ที่กินตำแหน่งผู้อำนวยการสร้าง) ก็ได้ฉายหนังเรื่องที่ว่าให้เขาดู ครั้นพอดูจบ Connery ก็บอกว่าหนังดีมาก แต่เขาคิดว่าทีมงานไม่น่าจะจ่ายค่าตัวเขาไหว – ซึ่งก็จริง – บทดังกล่าวเลยตกเป็นของ Alan Ford ไป
และหนังทุนสร้างประมาณ $10 ล้านเรื่องนี้ก็ทำเงินทั่วโลกไปราว $83.6 ล้านครับ ก็เป็นอีกก้าวแห่งความสำเร็จของ Ritchie
เป็นหนังที่อยากแนะนำให้ลองดูกันครับ ใครเป็นแฟน Ritchie ก็ต้องบอกว่าห้ามพลาดล่ะ ส่วนใครที่ยังไม่แน่ใจก็อยากให้ลองสักนิดครับ ถ้าดูแล้วไม่แนวหรือไม่ชอบจริงๆ ก็ปิดไปดูอย่างอื่น แต่อย่างน้อยก็อยากให้ลองก่อนครับ เผื่อท่านจะโดนของที่ Ritchie แกใส่ไว้แบบที่ผมโดน – โดนทีล่ะติดใจนานเลยล่ะ
สองดาวสามส่วนสี่ดวงครับ
(7.5/10)
หมวดหมู่:Comedy, Crime, Movie Reviews, Recommended Movies












