Action

The Ministry of Ungentlemanly Warfare (2024) แสบจารชนคนพลิกโลก

เรื่องราวของหน่วยพิเศษที่ถูกตั้งขึ้นมาในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เพื่อทำปฏิบัติการที่ชื่อโพสต์มาสเตอร์ อันมีเป้าประสงค์ในการตัดกำลังเรืออูเยอรมันในแถบทะเลแอตแลนติกเหนือครับ โดยหน่วยนี้นำโดยกัส มาร์ช-ฟิลลิปส์ (Henry Cavill) พร้อมด้วยลูกทีมสุดแสบที่พร้อมจะลุยและพร้อมจะแหกกฎได้ทุกเมื่อเพื่อให้งานสำเร็จลุล่วง

ถือเป็นผลงานที่ดูได้เรื่อยๆ ครับ แต่ก็ต้องบอกตรงๆ ว่ายังไม่เพลินนัก คือจริงๆ พล็อตของหนังนี่เข้าทางผู้กำกับ Guy Ritchie เลยนะ คือรวมพลคนนอกแถวมาปฏิบัติการอะไรสักอย่าง ซึ่งแต่ละตัวละครก็มีคาแรคเตอร์ประจำตัว มีความแสบไปคนละแบบ หรือกระทั่งตัวร้ายก็ยังมีเอกลักษณ์ ส่วนปฏิบัติการที่พวกเขาต้องทำก็ถือว่ายากพอตัว ซึ่งถ้าคุมดีๆ นี่หนังจะมันส์ เพลิน ฮา และสนุกสนานได้ไม่ยาก

แต่กลายเป็นว่าดีกรีความแซ่บตามแบบฉบับของ Ritchie ดูไม่ค่อยมากเท่าไหร่ครับ ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเพราะหนังอิงจากเค้าโครงเรื่องจริง ตัวละครส่วนใหญ่ก็มีตัวตนจริงๆ Ritchie เลยไม่กล้าดัดแปลงหรือใส่สีสันอะไรมาก เพราะในทางหนึ่งเหล่าตัวเอกก็ถือเป็นวีรบุรุษสงคราม เป็นบุคคลที่มีส่วนอย่างมากในการบั่นทอนกำลังของฝ่ายนาซี ซึ่งถ้าด้วยเหตุผลนี้ก็พอเข้าใจได้อยู่ครับ

โอเค เรื่องตัวละครนั้นพอเข้าใจ แต่ประเด็นคือพวกเหตุการณ์ต่างๆ ในเรื่อง รวมถึงตัวปฏิบัติการนั้นมันถือว่าอยู่ในระดับ “ยังมันส์ได้อีก” น่ะครับ โดยเฉพาะตอนไคลแม็กซ์ที่กัสและทีมต้องปฏิบัติการแบบแหกคำสั่ง จริงๆ มันควรจะมันส์ ลุ้น และตื่นเต้น แต่กลายเป็นว่าปฏิบัติการนั้นกลับค่อนข้างง่าย ดูไม่ค่อยมีอุปสรรคอะไร หรือต่อให้มีอุปสรรคมันก็ถูกแก้ได้แบบง่ายๆ แบบไม่มีลุ้นอะไรเลย จนผมเองยังแอบอึ้งเลยว่า “อ้าว นี่สำเร็จแล้วเหรอ?” คือมันแทบไม่มีลุ้นจริงๆ น่ะครับ

และอีกอย่างคือภาพครับ ภาพตอนท้ายมันค่อนข้างมืด ซึ่งก็เข้าใจแหละว่ามันเป็นตอนกลางคืน แต่เผอิญมันเป็นหนังน่ะครับ ยังไงให้แสงเพิ่มอีกนิดให้พอดูรู้เรื่องว่ามันเกิดอะไรขึ้นก็ยังดี แต่นี่มืดเกินไปในหลายฉาก ทำให้ฉากปฏิบัติการที่จริงๆ ก็ไม่ได้มันส์มากอยู่แล้ว ก็กลายเป็นดูจืดลงไปอีกเพราะมองไม่เห็นนี่แหละ – อันนี้ยอมรับว่าเจอกับหนังหลายเรื่องจนไม่รู้เหมือนกันว่ามันเป็นเทรนด์หรืออย่างไร ที่ฉากมืดจะต้องทำให้มันมืดสมจริงที่สุด แต่ปัญหาคือคนดูจะดูไม่รู้เรื่องนี่แหละ

ไปๆ มาๆ ช่วงที่ผมชอบสุดก็คือฉากตอนต้นเรื่องครับ ผมว่าจังหวะอารมณ์และอะไรๆ มันลงตัวสุดแล้สนะ คือทั้งมันส์ ทั้งฮา ทั้งแสบ ยอมรับเลยว่าฉากนั้นทำให้ผมคาดหวังว่าเนื้อในจะทำออกมาประมาณนั้น แต่ก็เปล่าครับ กลายเป็นว่าตอนต้นเรื่องนี่แหละที่แสบสุดแล้ว

ส่วนงานสร้างนั้นจริงๆ โอเคครับ อีกอย่างคือดนตรีของ Christopher Benstead ก็ให้อารมณ์หลากหลายดี ถือว่าเพิ่มรสชาติให้หนังได้ไม่น้อย

และระหว่างการดูท่านก็จะได้พบกับตัวละครที่ชื่อ Ian Fleming ที่มีส่วนในปฏิบัติการนี้ แล้วอาจจะคุ้นๆ ก็บอกเลยครับว่าเขาคนนี้แหละคือคนที่เขียนนิยาย James Bond ครับ คนเดียวกันเลย แล้วยังมีอีกเกร็ดที่อยากจะบอก ว่าหนึ่งในสมาชิกของหน่วยนี้ที่เป็นตัวจริงเสียงจริงเลยก็คือ Christopher Lee ดาราลายครามผู้ล่วงลับนั่นเองครับ เขานั้นเคยร่วมปฏิบัติการทำนองนี้อยู่หลายครั้ง และว่ากันว่าตอนเขาถ่ายทำหนังชุด The Lord of the Rings นั้น ยามว่าง Lee ก็จะนั่งเล่าประสบการณ์จากปฏิบัติการต่างๆ ให้ผู้กำกับ Peter Jackson ฟัง แล้ว Jackson ก็จะนั่งฟังอย่างตั้งใจด้วยความสนุกสนานเลยล่ะ

โดยรวมหนังก็ถือว่าได้เรื่อยๆ น่ะครับ แต่ถ้าได้ลีลาเล่าเรื่องมันส์ๆ แสบๆ ของ Ritchie ใส่ลงไปมากกว่านี้อีกสักหน่อยก็น่าจะแจ๋วเลย แล้วต้องบอกอีกอย่างว่าไม่ได้เน้นแอ็คชั่นนะครับ ไม่เน้นตูมตาม แต่จะเน้นคาแรคเตอร์ของตัวละครตามสไตล์ Ritchie เขานั่นแหละ เพียงแต่อาจจะไม่แซ่บไม่เปี่ยมสีสันเท่าเรื่องก่อนๆ เท่านั้นแหละ

สองดาวกว่าๆ ครับ

(6.5/10)