Action

เมืองพญายม ปิดบัญชียมบาล (2024) Twilight of the Warriors: Walled In

เรื่องราวของฮ่องกงในยุคสมัยที่เต็มไปด้วยผู้อพยพ สภาพบ้านเมืองจึงแออัดก่อให้เกิดผู้นำก๊กแก๊งต่างๆ หนึ่งในนั้นก็คือ ทอร์นาโด (กู่เทียนเล่อ, Louis Koo) เจ้าถิ่นแห่งเมืองพญายม หรืออีกชื่อคือสลัมลอยฟ้า

ทีนี้อยู่มาวันหนึ่งก็มีผู้อพยพนามว่า เฉินลั่วจิน (หลินฟง, Raymond Lam) ซึ่งเพิ่งมีเรื่องกับเฮียบิ๊ก (หงจินเป่า, Sammo Kam-Bo Hung) ก็เลยหนีมายังเมืองพญายมซึ่งตอนแรกลั่วจินก็โดนเล่นงานไปไม่ใช่น้อย ก่อนที่ทอร์นาโดจะตัดสินใจรับเขามาอยู่ด้วย ที่นี่ลั่วจินมีงานมีการทำ แล้วก็มีเพื่อนใหม่อย่าง ซินอี่ (หลิวจุ้นเชียน , Terrance Lau), เอวี (จางเหวินเจี๋ย, German Cheung) และสิบสอง (หูจื่อถง, Tony Tsz-Tung Wu) แต่แล้วงานก็เข้าลั่วจินแบบใหญ่หลวงเลยครับ แต่จะเป็นเรื่องอะไรนั้นต้องไปติดตามกันในหนังครับ

ร่วมด้วย เยิ่นเสียนฉี (Richie Jen) ในบทเฮียตี๋ชิว พี่น้องร่วมสาบานกับทอร์นาโด, หวงเต๋อปิน (Kenny Wong) เป็นไทเกอร์ เพื่อนร่วมก๊วนเดียวกันกับทอร์นาโดและติชิว, อู๋อวิ่นหลง (Philip Ng) ในบทหวิงจิ่ว มือขวาของเฮียบิ๊ก ที่มาพร้อมพลังคงกระพัน และกั๊วฟู่เฉิง (Aaron Kwok) ที่มารับเชิญในบท จิม โคตรมือสังหาร ผู้ที่เฮียตี๋ชิวแค้นเคืองขนานหนัก และหนังกำกับโดย เจิ้งป๋อไช่ (Cheang Pou Soi) ครับ

สร้างจากการ์ตูนเรื่องดังของฮ่องกง มีแปลเข้ามาในบ้านเราด้วยซึ่งผมก็ยังไม่มีโอกาสได้อ่านครับ ดังนั้นขอพูดถึงเฉพาะหนังแล้วกัน และหากผมจะต้องนิยามหนังแบบสั้นๆ ก็คงบอกได้ว่า หนังมันส์มาก เดือดมาก แนะนำให้ดูเลยครับผม

หนังถือว่าทำถึงมากๆ ครับ ช่วงครึ่งแรกของหนังก็วาดภาพให้เราเห็นบรรยากาศของฮ่องกงที่แออัดไปด้วยผู้คน ต่อด้วยภาพของแก๊งอิทธิพลต่างๆ ตามด้วยตัวละครทั้งหลาย ครึ่งแรกนี่จะยังไม่เน้นเรื่องแอ็คชั่นมากนัก แต่จะหนักไปทางปูพื้น ทั้งปูตัวละครและโลกของเมืองพญายมซึ่งหนังทำได้เห็นภาพมากๆ การเล่าเรื่องถือว่ากระชับและตรงเป้า และงานโปรดักชั่น พวกฉากต่างๆ นี่ถือว่าทำได้ดีมากๆ อารมณ์เหมือนหนังสามารถดึงเราเข้าไปอยู่ในเมืองพญายมจริงๆ ก็ว่าได้

ดาราก็เล่นกันดีครับ ทั้งรุ่นใหม่ รุ่นกลาง รุ่นเก่า แต่ละคนถ่ายทอดบทได้อย่างลื่นไหล เลยทำให้ครึ่งแรกนี่ดูเพลินมาก ไม่รู้สึกเบื่อเลยครับแม้จะไม่ค่อยมีแอ็คชั่นหรือฉากตื่นเต้นชวนลุ้นอะไรมากก็เถอะ แต่มันเพลินไปกับเรื่องราว เพลินไปกับสิ่งที่ลั่วจินได้เจอ อันนี้บอกเลยครับว่าทำได้ดีกว่าหนังฮ่องกงหลายๆ เรื่องที่ช่วงปูพื้นมักจะชืดหรือไม่เรื่องก็จะเฉเกไปไหนก็ไม่รู้ แต่กับเรื่องนี้นี่ไม่เฉครับ ตรงเป้าเผงเลย

อีกอย่างที่รู้สึกเลยคือ รู้สึกเชื่อครับว่าลั่วจินนั้นรักเมืองพญายมเข้าแล้วจริงๆ หลังจากพี่ท่านระหกระเหินไม่มีบ้านไม่มีช่อง แต่ตอนที่ลั่วจินบอกกับทอร์นาโดว่า “ที่นี่ผมนอนหลับได้สนิท” ประโยคเดียวนี่สื่อครบทุกอย่างเลย และสภาพเมืองพญายมที่แม้จะดูแออัดและอาจไม่น่าอยู่สำหรับใครหลายคน แต่หนังก็ทำให้เชื่อน่ะครับว่าที่แห่งนี้ก็ยังมีด้านดีของมันอยู่

พอหนังเข้าสู่ครึ่งหลัง ที่งานชุดใหญ่เริ่มประดังเข้าหาลั่วจิน ช่วงนี้ความมันส์ก็ไหลมาเทมาครับ ฉากสู้กันนี่คือมันส์สะใจมาก อัดกันหนักๆ โยนกัน ทุ่มกัน ข้าวของพังกระจุย สำหรับครึ่งหลังนี่คืออย่างมันส์และต่อเนื่องจริงๆ คือมันก็จะมีช่วงพักบ้างแหละครับ แต่ก็ไม่มาก พักแบบพอให้หายเหนื่อย แล้วสักพักก็ใส่กันต่อ ซัดกันยาวไปถึงตอนท้ายเลย อันนี้บอกเลยครับว่าใครชอบหนังซัดกันเดือดๆ นัวๆ นี่ต้องเรื่องนี้เลยจริงๆ มันเป็นอะไรที่สาแก่ไใจมาก

แล้วประเด็นคือท่ามกลางแอ็คชั่นจัดเต็มทั้งหลายนี้ เนื้อเรื่องรวมถึงปมต่างๆ ก็ยังถูกเล่า ยังดำเนินไปพร้อมๆ กันครับ หนังเลยครบเครื่องทั้ง มันส์ในเชิงบู๊และเนื้อเรื่องก็เข้มข้นชวนติดตาม อันนี้ต้องยอมรับเลยครับว่าเรื่องนี้ทำได้ดีจริงๆ

แล้วผมยังชอบที่หนังปิดเรื่องการให้ภาพ End Credits เป็นภาพการใช้ชีวิตของชาวเมืองพญายม ซึ่งอีกนัยหนึ่งมันก็คือการสะท้อนชีวิตชาวฮ่องกงน่ะครับ ภาพอาม่านั่งห่อเกี๊ยว, อาเจ็กซ่อมรองเท้า, ภาพคนเตรียมดอกไม้เพื่อจะเอาไปขาย, ภาพผู้ใหญ่และเด็กช่วยกันเอาลูกอมมาห่อเปลือกพลาสติก, ภาพตู้แช่สแตนเลสที่ต้องเลื่อนกระจกเปิดเพื่อหยิบเครื่องดื่ม หรือภาพคนในย่านเดียวกันมานั่งดูทีวีกันแน่นร้านกาแฟ/ร้านอาหารตามสั่ง หรือร้านชำประจำย่านนั้นๆ

แล้วภาพทั้งหลายนั้นก็นำเสนอไปพร้อมกับเพลง Shape of Wind ของ Yoyo Sham ซึ่งเป็นอะไรที่พอดีมาก แล้วก็เป็นอะไรที่ช่างคิดมากเลยครับ หลังจากเรานั่งดูเรื่องราวเดือดๆ มา 2 ชั่วโมงแล้ว หนังเลือกที่จะจบลงด้วยภาพเหล่านี้ เพลงอารมณ์นี้ ผมว่าลงตัวครับ ลงตัวมากๆ ทีเดียว

เป็นอีกเรื่องที่ผมต้องดูซ้ำแน่ๆ ครับ ทั้งสนุกและเข้มข้นชะขนาดนี้ ใครยังไม่ได้ดูผมแนะนำให้จัดเลยครับ ถ้าท่านชอบหนังแอ็คชั่นฮ่องกงที่ซัดกันมันส์ๆ ล่ะก็

สองดาวครึ่งเดือดๆ ครับ

(7.5/10)