อีกตอนหนึ่งที่ว่าด้วยเรื่องสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติอย่างแวมไพร์หรือผีดูดเลือดครับ

ตอนนี้ Richard Syrett จะพาเราไปพบกับ Bishop Sean Manchester นักล่าแวมไพร์ที่กล่าวอ้างว่าเคยเผชิญกับแวมไพร์ตัวจริงเสียงจริงมาแล้ว โดยเรื่องที่ได้รับการพูดถึงมากในตอนนี้คือกรณีแวมไพร์ที่สุสานไฮเกต (The Highgate Vampire) ซึ่งเป็นที่กล่าวขานมากในยุค 1970 อย่างเช่นว่ามีผู้อยู่อาศัยแถบนั้นบางคนอ้างว่าโดนอะไรบางอย่างมากัดและดูดเลือดในยามค่ำคืน พอตื่นมาก็พบรอยเลือดเปรอะอยู่ตามหมอน

Rosemary Ellen Guiley ผู้สืบสวนเรื่องเหนือธรรมชาติ ให้ความเห็นว่ามีเรื่องราวของแวมไพร์สอดแทรกอยู่ในประวัติศาสตร์มานานแล้ว และไม่ได้มีแต่แวมไพร์ที่เป็นคนเท่านั้น แต่ยังมีแวมไพร์ที่เป็นสัตว์ด้วย และตามตำนานดั้งเดิมเรื่องของแวมไพร์มักจะเกี่ยวข้องกับเรื่องทางเพศ ก่อนที่มันจะถูกขัดเกลาให้เรื่องเพศเบาบางลงในยุควิคตอเรียน และเธอก็เชื่อในการมีอยู่ของแวมไพร์

ส่วน Joe Nickell ที่ไม่เชื่อเรื่องนี้ก็มองว่ามันคือเรื่องเล่าตำนานที่ถูกแต่งเติม บางครั้งก็เป็นอุปทานหมู่ หรือคนที่อ้างว่าเคยเผชิญหน้ากับแวมไพร์ตอนนอนนั้นก็อาจเพราะพวกเขาตกอยู่ในอาการอัมพาตขณะหลับ อันทำให้พวกเขาจินตนาการหลอนตนเองว่าพบเจอภูตผีปีศาจ หรือแม้กระทั้งมนุษย์ต่างดาว

จริงๆ ตอนนี้มีความน่าสนใจ แต่ในเชิงข้อมูลอาจยังไม่สาแก่ใจนักทั้งฝ่ายที่เชื่อและไม่เชื่อ และเป็นอีกตอนหนึ่งที่ทั้งตำนานหรือหลักฐานก็ยังไม่มากพอ เลยไม่ก่อให้เกิดความมันส์ในเชิงความคิดมากนัก

แต่สิ่งที่น่าสนใจสำหรับผมคือคนที่เชื่อเรื่องเหล่านี้ โดยเฉพาะนักล่าแวมไพร์อย่างท่านบิชอปแล้ว เขาจะมองว่าเรื่องพวกนี้มีความสำคัญเพราะการที่คนไม่เชื่อในภูตผีปีศาจอาจเป็นการเปิดช่องให้สิ่งชั่วร้ายก่อการได้ง่ายขึ้น ซึ่งในง่ตรรกะเราก็เข้าใจได้ครับที่พวกคนที่เชื่อจะมองว่ามันสำคัญ และอาจถึงขั้นมองว่าเป็นพันธกิจในการปกป้องโลกจากสิ่งชั่วร้ายด้วยซ้ำ

เรื่องเหล่านี้ จริงหรือไม่ก็ประเด็นหนึ่งครับ เราก็คงต้องศึกษาหาข้อมูลหลักฐานกันต่อไป แต่การทำความเข้าใจทั้งเหล่าคนที่เชื่อและไม่เชื่อเรื่องเหล่านี้ ผมก็มองว่าเป็นอะไรที่น่าสนใจเหมือนกัน อะไรทำให้พวกเขาเชื่อ และมันส่งผลอย่างไร หรืออะไรที่ทำให้คนไม่เชื่อเรื่องพวกนี้ ให้ตายยังไงก็ไม่เชื่อ และคนเหล่านี้ส่งผลต่อโลกอย่างไร ส่วนตัวแล้วการศึกษาทำความเข้าใจมิติที่หลากหลายของมนุษย์ก็เป็นวิถีทางหนึ่งที่จะทำให้เราเข้าใจความเป็นไปของสังคมและของโลกได้

บางทีการเข้าใจ “มนุษย์” ให้มากขึ้น อาจเป็นหนึ่งในวิธีแก้ปัญหาสารพัดที่กำลังเกิดกับโลกเราทุกวันนี้ – เพราะไม่ว่าจะเรื่องเศรษฐกิจ สงคราม ตำนาน เภทภัย หรือภูตผี ก็ดูเหมือนว่ามันจะมีจุดศูนย์กลางบางประการอยู่แถวๆ “มนุษย์” นี่แหละ

สองดาวกว่าครับ

(6.5/10)