มันส์กันต่อให้สุดทางครับ ผมนี่เอา John Wick มาดูต่อกัน 4 ภาครวด กะให้กระอักความสะใจกันไปข้างหนึ่งเลย
ภาคนี้ตอนแรกก็นึกว่าจะจบแล้วนะ แต่นี่มีข่าวแว่วๆ ว่าจะสร้างภาค 5 มาอีกแล้ว ซึ่งจริงๆ ถ้าจะจบเรื่องที่ภาคนี้เลยก็ไม่น่าเกลียดครับ เพราะเรื่องราวมันก็ถือว่าสรุปจบได้ไม่เลว แม้จะมีอะไรคาใจอยู่บ้าง แต่ไว้ไปเฉลยตอนทำภาคแยกอีกทีก็ได้ ไม่ต้องพยายามทำภาคต่อหรอก – แต่ถ้าทำก็ดูครับ ตามหลักการว่า “กล้าทำก็กล้าดู” นั่นแหละ
หนนี้พี่จอห์น วิค (Keanu Reeves) ก็ได้เวลาปะทะแบบขั้นเด็ดขาดกับสภาซะที ซึ่งเรื่องมันจะลงเอยอย่างไรก็ลองไปดูกันนะครับ
ผมชอบ 2 ภาคแรกครับ ส่วนภาค 3 ผมรู้สึกดร็อปลงมานิดๆ ครั้นพอมาภาค 4 ไม่รู้ทีมงานได้ยินที่ผมบ่นไปหรือเปล่า แต่เหมือนหนังได้รับการปรับทิศทางให้ออกมาลงล็อคลงตัวมากขึ้น – ย้อนความนิดหนึ่ง คือตอนภาค 3 นั้นผมเคยบ่นว่าผมไม่ค่อยเพลินกับครึ่งแรกของหนังสักเท่าไหร่ เพราะรำคาญการแสดงแสนยานุภาพของสภาที่ดูจะออกแนวกร่างมากกว่าปกครองหรือรักษากฎกติกา
และที่ไม่ชอบมากๆ คือเวลาที่คนของสภาจะยกพวกไปกวาดล้างที่ไหน พี่ก็จะไปแบบเงียบๆ ย่องไปฆ่าคนในสำนักนั้นๆ ส่วนตัวแล้วผมว่ามันดูไม่ใจ ไม่สง่า และพอดูภาคนี้ผมก็เพิ่งมานึกได้ว่าอีกเหตุผลที่ผมไม่ชอบแนวทางนั้นก็เพราะ มันตัดโอกาสที่เราจะได้เห็นฉากต่อสู้ครับ ประมาณว่าคนในสำนักเหล่านั้นไม่ทันได้สำแดงวิชาของตัวเองเลย แป๊บๆ ก็โดนปาดซะแล้ว ดังนั้นผมเลยไม่ค่อยแนวเท่าไหร่สำหรับประเด็นเหล่านี้ในภาค 3
แต่มาภาคนี้จุดที่ผมไม่เพลินได้หายไปแล้วครับ เปิดมาก็ให้พี่จอห์นสอยคนของสภาซะ แล้วพอถึงตอนที่คนของสภาบุกไปยังคอนติเนนตัลที่โอซาก้า เราก็จะได้เห็นฉากการต่อสู้แบบมันส์ๆ กันเต็มสูบ แล้วจากนั้นหนังก็พักบ้างสู้บ้าง มาเรื่อยๆ ไปจนจบเลยครับ อันนี้ตอนแรกผมก็กลัวนะว่าหนังยาวตั้งเกือบ 3 ชั่วโมง มันจะอืดไหมหว่า มันจะจืดไหมหว่า แต่พอดูจบก็ตระหนักครับว่า หนังสนุกสนานเต็มรสชาติ
เอาเข้าจริงๆ แล้วหนังอาจไม่จำเป็นต้องยาวซะขนาดนี้น่ะนะครับ จะสั้นกว่านั้นก็ได้ แต่เท่าที่ได้ดูนี่ ผมก็ดูได้เรื่อยๆ นะ เพลินดี ส่วนใหญ่ที่ยาวก็เพราะหนังจัดเต็มฉากบู๊น่ะครับ คือบู๊แบบเต็มขั้น มันส์กันแบบยาวๆ เลย ส่วนตัวมองว่ามันส์ทุกฉาก มันส์มากมันส์น้อยก็ว่ากันไป แต่โดยรวมคือมันส์ครับ การออกแบบคิวบู๊ถือว่าทำได้ดีเช่นเคย แต่ที่แอบรู้สึกคือความหวือหวาหรือลูกเล่นของมุมกล้องดูจะลดลง ซึ่งคนกำกับภาพก็ยังคงเป็น Dan Laustsen จากภาค 2 และ 3 น่ะครับ ก็ไม่แน่ใจว่าเพราะฉากบู๊มันเยอะและยาวขึ้นหรือเปล่า แต่ก็ไม่เป็นไร คิดเสียว่าได้ดูฉากบู๊แบบดิบๆ ไม่ต้องประดิษฐ์เยอะ
โดยรวมหนังก็สนุก แอ็คชั่นก็มันส์และให้เยอะ ด้านเนื้อเรื่องอาจจะยังไม่ถึงกับบทดีมากสุดยอดมากอะไรขนาดนั้น แต่ก็ถือว่าได้ล่ะ ดาราก็เลือกมาได้เหมาะครับ คนดีคนร้ายก็สมบทกันไป โดยเฉพาะอีตามาร์คีที่ พี่ Bill Skarsgård ก็เล่นได้ร้ายเหลือ และแต่ละฉากที่ปรากฏตัวนี่ ฉากหลังจะต้องอลังการเสมอ แล้วพูดถึงฉากนี่ก็ต้องนับว่าภาคนี้ได้อารมณ์อลังจริงๆ ครับ คือไม่เฉพาะฉากที่มาร์คีปรากฎตัวนะ แต่เกือบทุกฉากมันจะมีความใหญ่ ความอลังการอยู่ในนั้น ขนาดฉากใต้ดินยังอลังเลยครับ คือผมว่าภาคนี้หมดเงินไปกับค่าสถานที่หรือสร้างฉากไม่ใช่น้อยแหงๆ – แต่ข้อดีคือมันทำให้หนังดูแกรนด์ขึ้นจริงๆ ครับ
และสำหรับผมแล้ว ฉากไฮไลท์ไคลแม็กซ์เลยก็คือตรงบันไดครับ ทำออกมาได้มันส์และสะใจต่อเนื่อง ส่วนหลังจากนั้นผมถือเป็นของแถมครับ ไม่ต้องอะล้าอะลังหรือมันส์อะไรมากก็ได้ แล้วก็ถือว่าสรุปเรื่องได้สะใจดีด้วยครับ
ข้อคิดหนึ่งที่หนังเตือนใจเราไว้ก็คือ อย่าหลงระเริงในอำนาจมากนัก อย่าคิดว่าสิ่งที่ตนทำจะต้องถูกไปเสียทั้งหมด และทุกการกระทำย่อมมีผลสืบเนื่องตามมาเสมอ
และผมชอบประเด็นมิตรภาพในเรื่องนะ ชอบตอนที่เคน (Donnie Yen) ถามโคจิ (Hiroyuki Sanada) ว่าโคจิกับจอห์นก็ไม่ได้มีเหรียญพันธะอะไรกันสักหน่อย ทำไมถึงต้องช่วยจอห์นขนาดนี้ – บางครั้งมิตรภาพมันก็เป็นอะไรที่มาเองนะครับ ไม่ต้องมีอามิสสินจ้าง ไม่ต้องมีราคาค่างวด ไม่ต้องมีสัญญาต่างตอบแทน แต่มันคือสัมพันธภาพที่ถูกสานขึ้นด้วยเรื่องของใจ เรื่องของความรู้สึก เรื่องของการนับถือ เคารพ หรือให้เกียรติต่อกัน
ใครมีเพื่อนตามนิยามนี้ ถือเป็นผู้มีโชคโดยแท้
แล้วภาคนี้ก็ทำเงินถล่มทลายไปถึง $447 ล้านครับ จากทุนสร้าง $100 ล้าน ถือว่ากำไรสวยงาม จนเข้าใจเลยว่าทำไมถึงคิดจะทำภาคต่ออีก แต่ก็อย่างที่บอกน่ะครับ ทำภาคแยกก็ได้ อย่างเรื่องของเคนนี่จริงๆ ก็น่าสนใจ ก็พร้อมจะตามไปดูครับ
สามดาวได้ครับ
(8/10)
หมวดหมู่:Action, Crime, Gun Fu, Highly Recommended Movies, Movie Reviews, Thriller













