ก็เป็นอีกครั้งครับ กับการดูหนังที่ดัดแปลงจากนิยายกระบี่เย้ยยุทธจักรของกิมย้ง ซึ่งผมก็ทำใจตั้งแต่ดูตัวอย่างแล้วล่ะว่าหนังคงหนัก CG พอสมควร ส่วนเนื้อหาก็ต้องตามมาดูถึงจะรู้ว่ามันเป็นยังไง
หลักๆ แล้วเดชคัมภีร์เทวดาฉบับนี้ก็เหมือนเอาภาค 1 และ 2 ของฉบับเฉิงเสี่ยวตง/ฉีเคอะ มาเย็บเข้าด้วยกัน แล้วก็ใช้ CG ปรุงงานภาพให้ละลานตายิ่งขึ้น เนื้อหาก็มีทั้งที่คุ้นเคยและที่ดัดแปลงใหม่ ซึ่งเรื่องนี้เป็นงานกำกับของ หลัวอีเหว่ย (Luo Yi Wei) ได้หวังจิ้งอำนวยการสร้าง และพี่เขายังรับหน้าที่ยังดัดแปลงบทด้วย เราเลยจะได้เจอการยำใหญ่ครับ บางอย่างตามนิยาย บางอย่างก็ตามฉบับปี 1990 หรือบางอย่างก็ด้นขึ้นมาใหม่เลย อย่างประเด็นที่มาของเจ๊ตงฟางที่มักจะถูกบิดจนป่านนี้ไม่รู้เหมือนกันว่าบิดไปกี่เกลียวแล้ว มาฉบับนี้ก็เจออีกเวอร์ชั่นครับ
ถ้าถามว่ารู้สึกยังไง? ผมว่าก็ดูได้ครับ… ไม่รู้สิครับ ผมว่าการที่ผมดูหนังกำลังภายในมาเยอะ ดูเรื่องเดิมๆ แบบหลากหลายเวอร์ชั่น มันทำให้ผมไร้กระบวนท่าในการดูไปแล้ว คือพวกพี่จะบิดจะแปลงอะไรก็จัดมาเถอะ พร้อมรับได้หมดทุกเพลง ขอแค่ให้มันสนุกดูเพลินก็แล้วกัน
เรื่องหลักๆ ก็จับประเด็นที่ตงฟางปุ๊ป้าย (จางอวี่ฉี, Zhang Yu Qi) สำเร็จวิชาคัมภีร์เทวดา แล้วก็ครอบครองนิกายสุริยันจันทราที่ผาไม้ดำ ตามด้วยจัดการเอายิ่มอั้วเกี้ย (หยินชือเหว่ย, Terence Yin) ไปขังไว้ แล้วหนังก็แนะนำให้เราได้รู้จักกับพระเอก เหล็งฮู้ชง (หวงซีเยี่ยน, Tim Huang, Huang Xi Yan) ศิษย์หัวซานผู้เก่งกล้า ที่มีอาจารย์อย่างงักปุ๊กคุ้ง (Zhang Lu) แล้วด้วยวาสนาก็ทำให้เขาได้วิชาจากเฟิงชิงหยาง (หงจินเป่า, Sammo Kam-Bo Hung) ปรมาจารย์สายกระบี่แห่งหัวซาน ก่อนจะออกมาผจญภัยและได้รับรู้ถึงความวุ่นวายและจอมปลอมของยุทธภพ
ตัวละครอื่นๆ ที่แสนคุ้นเคยก็มีอย่าง ยิ่มเอี่ยงเอี้ยง (เซวียนลู่, Xuan Lu) ลูกสาวของยิ่มอั้วเกี้ย, หลันฟ่่งหวง (Cai Xiang Yu) คนสนิทของเอี่ยงเอี้ยง, จ้อแนเซี๊ยง (Ye Xin Yu) รายนี้ก็สุภาพชนจอมปลอม แต่ดูบทจะน้อยกว่าที่คิด และงักเล้งซัง (Yun Qian Qian) ลูกสาวของงักปุ๊กคุ้ง
ก็อย่างที่บอกครับ ผมว่ามันก็ดูได้ แต่แน่นอนว่าเด็ดไม่เท่าเดชคัมภีร์เทวดา 2 ภาคแรก และผมรู้สึกว่าครึ่งแรกมันดูโอเคกว่า ทั้งในแง่เนื้อหาและงานสร้าง อย่างงานสร้างนี่แม้หนังจะใช้ CG ไม่ใช่น้อย แต่ครึ่งแรกนี่ผมว่าหนังใช้ CG ในระดับพอเหมาะ นั่นคือเอา CG มารับใช้งานด้านภาพ เสริมอารมณ์ให้ฉากเป็นเหมือนดั่งภาพวาด ซึ่งก็สวยดี หรือไม่ก็ใช้ CG เนรมิตกระบวนท่าเพลงยุทธ ก็ถือว่าใช้ได้อยู่ หรือกระทั่งฉากที่เป็นของจริงโลเคชั่นจริงก็ยังนับว่าสวย
แต่พอเข้าครึ่งหลังนี่เหมือน CG จะเริ่มคุมไม่อยู่ครับ และที่สำคัญเลยคือฉากที่ผาไม้ดำ ตรงที่มีการต่อสู้ช่วงไคลแม็กซ์นั้น ฉากที่ว่ากลับดูธรรมดา ดูพื้นๆ ราวกับยังสร้างฉากไม่สำเร็จ อารมณ์ฉากสู้กันตอนท้ายเลยไม่ค่อยพีคเท่าไหร่
ดาราก็ถือว่าแสดงได้โอเคครับ แต่ก็ยังไม่เด่นหรือเตะตามากนัก รวมๆ ออกมางานเลยอยู่ในระดับกลางๆ คือดูได้ โอเค เข้าท่าเป็นอย่างๆ ส่วนบางอย่างก็เฉยๆ หรือยังดีได้อีก
จริงๆ หนังเปิดประเด็นหลายอย่างได้น่าสนใจนะครับ โดยเฉพาะเรื่องของเจ๊ตงฟางที่หนังคล้ายจะชงประเด็นที่ว่า เจ๊ตงฟางเองก็เกิดคำถามต่อตนเองเช่นกัน ว่าท่ามกลางการเป็นผู้เยี่ยมวรยุทธที่ผู้คนต่างเกรงกลัว แต่กระนั้นก็ยังสงสัยในตนเอง ว่าข้านั้นคือใคร? แท้จริงแล้วข้าต้องการอะไร? ข้าทำไปเพื่ออะไร? แต่เหมือนหนังจั่วไว้แล้วไม่เล่นต่อให้สุดน่ะครับ อันนี้รู้สึกแบบเดียวกับตอนดู เดชคัมภีร์เทวดา 3 หมื่นปีมีข้าคนเดียว ที่เปิดประเด็นทำนองนี้เหมือนกัน แต่ก็ไปไม่สุดเหมือนกัน
หรือประเด็นอย่าง “แต่ละคนจะมีความเดียวดายในแบบของตนเอง” ที่เฟิงชิงหยางจั่วไว้ นี่ก็น่าสนใจ แต่สุดท้ายก็เงียบหายไปอีกเหมือนกัน
ส่วนตัวละครอื่นก็ถือว่ากลางๆ ครับ อาจจะมียกเว้นที่งักปุ๊กคุ้ง ที่ฉบับนี้โดนเขียนให้ไร้ศักดิ์ศรีแบบสุดซอย น่าสมเพชแบบเต็มขั้น โดยเฉพาะวาระสุดท้ายนั้น จะว่าน่าขันก็น่าขัน
แต่ผมชอบประเด็น “หัวใจ” ของเจ๊ตงฟางนะ ถือเป็นอะไรที่เข้าท่าดี และทำให้บังเกิดความรู้สึกบางประการขึ้นมาเหมือนกันเมื่อหนังบอกเล่าเฉลยปมนี้ให้เราได้รับรู้ แต่กระนั้นก็อีกนั่นแหละ เหมือนหนังไม่ค่อยได้มีการปูพรมปูพื้นสำหรับประเด็นนี้สักเท่าไหร่ มันเลยยังไม่กระแทกใจแบบเต็มๆ
โดยรวมผมไม่ผิดหวังครับ เพราะไม่ได้หวังอยู่แล้ว 5555 ก็คือดูได้ เสพความบันเทิงอีกเวอร์ชั่นของกระบี่เย้ยยุทธจักรแบบไม่ต้องคิดมาก
สองดาวครับ
(6/10)
หมวดหมู่:Action, Adventure, Chinese/Hong Kong/Taiwan Movies, Drama, Martial Arts, Movie Reviews, Romance, Wuxia












