Comedy

Yankee Zulu (1993) เทวดาน่าจะบ๊องส์!

มาครับ ไล่ดูให้ครบ นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่มีการอ้างอิงว่าเป็นภาคต่อของ เทวดาท่าจะบ๊องส์ (The Gods Must Be Crazy) ในบางประเทศ แต่แน่นอนว่าจริงๆ แล้วเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรื่องนั้นเลยครับ

หนังเล่าถึงซูลู มาชาเบลล่า (ผิวดำ) และไรโน่ (ผิวขาว) ที่สีผิวไม่ใช่อุปสรรคสำหรับมิตรภาพครับ พวกเขาซี้กันแบบสุดๆ เมื่อตอนยังเด็ก แต่แล้ววันหนึ่งไรโน่ก็โดนบีบให้ต้องทำบางสิ่งที่ซูลูไม่อาจให้อภัยได้ พวกเขาก็เลยยุติความเป็นเพื่อนตั้งแต่วันนั้น

แล้ว 25 ปีต่อมาชะตากรรมก็ชักพาพวกเขามาเจอกันอีกหน เมื่อซูลู (John Matshikiza) เป็นโจรลักรถในนิวยอร์คที่ได้ย้ายกลับมายังบ้านเกิด ส่วนไรโน่ (Leon Schuster) ตอนนี้ก็มีลูกเลี้ยง 1 คนนามว่า ทิงกี้ (Michelle Bowes) แต่พี่ท่านก็แทบหมดเนื้อหมดตัวหลังจากหย่ากับเมียเก่านามว่าโรวีน่า (Terri Treas) และพอดีที่โรวีน่าดัไปคบหากับกัปต้นดายฮาร์ด (Wilson Dunster) ที่เป็นผู้นำสมาคมคนเหยียดผิว งานนี้ซูลูและไรโน่เลยต้องจับมือกันเอาตัวรอดให้พ้นจากการตามล่า ทั้งจากเมียเก่าของไรโน่และแฟนใหม่ของเมียเก่าที่จ้องแต่จะเล่นงานคนผิวสี

ทราบมาว่าหนังทำเงินถล่มทบายในแอฟริกาใต้ครับ ซึ่งก็พอเข้าใจได้เพราะหนังออกแนวตลกขบขัน มีทั้งตลกจิกกันระหว่างคนขาวกับคนดำ (ซึ่งก็จัดเป็นตลกสไตล์คู่หูคู่กัด) บวกด้วยตลกท่าทางและตลกเจ็บตัวอีกสารพัด ถือว่ามาทางเดียวกับ The Gods Must Be Crazy ภาคแรกที่ประสบความสำเร็จไปก่อนหน้านี้แล้ว เพียงแต่ถ้ามองกันที่เนื้อหาสาระแล้ว The Gods Must Be Crazy จะมีสาระแง่คิดให้เก็บกลับไปมากกว่าหน่อย

ดังนั้นก็แน่นอนว่าผมชอบ Gods ภาคแรกที่สุดอยู่ดีครับ แต่เรื่องนี้ก็ดูเอาขำได้นะ ตอบโจทย์บันเทิงได้ในระดับที่ไม่เลว การเดินเรื่องก็ถือว่ามีทิศทางไม่ได้เลอะเทอะเปรอะเปื้อนแบบที่หนังตลกหลายๆ เรื่องชอบทำพลาด ส่วนเรื่องความติงต๊องของตัวละครนี่ก็ต้องทำใจหน่อยน่ะนะครับ เพราะหนังสไตล์นี้มันก็จะแบบนี้แหละ ตัวละครทั้งหลายทั้งตัวหลักตัวรองต่างก็มีความต๊องความบ๊องส์ในแบบของตัวเอง จนไปๆ มาๆ ตัวละครที่ดูมีสติที่สุดกลับเป็นเหล่าเด็กๆ ไม่ว่าจะทิงกี้หรือเจ้าชายวิลเลี่ยม (Skye Svorinic) ที่ดูจะมีสติสตังค์มากกว่าพวกผู้ใหญ่เยอะ

สรุปว่าก็เป็นหนังเบาสมองที่เหมาะแก่การดูคลายเครียดครับ

สองดาวกว่าๆ ครับ

(6.5/10)

ชื่ออื่นๆ
There’s a Zulu on My Stoep