Action

เจ้านรกมือเพชฌฆาต (1980) The Convict Killer

โซ่เหล็ก ทงเปียว (ตี้หลุง, Ti Lung) ต้องติดคุกถึง 15 ปีเพราะนักฆ่าเจ้าของฉายาเสือดำหลั่นเฟย (จิงเหมี่ยว, Ching Miao) ดังนั้นพอเขาออกจากคุกมาได้ เขาเลยตรงไปยังเมืองอินทรีบินเพื่อหาทางแก้แค้น

ที่นั่นเขาต้องพบกับ โจวไป่ (ไป่เปียว, Jason Piao Pai) ผู้ทรงอิทธิพลของเมือง, ซางหลิน (จิงลี่, Ching Li) สตรีลึกลับที่ตามหาสามีที่หายตัวไปเมื่อ 15 ปีก่อน, ตู้กั๊วะเฉิง (หลิวหย่ง, Tony Liu) ยอดฝีมือที่มาพร้อมความลับ และกุยหลั่นฟัง (Manna Chan) สาวสวยเสน่ห์ร้ายที่มักจะโผล่หน้ามาเจอทงเปียวอยู่บ่อยๆ

นอกจากนี้ด้วยความที่เสือดำหลั่นเฟยมีพี่น้องร่วมสาบานเจ้าของฉายา 7 นักฆ่า เลยทำให้ทงเปียวต้องเผชิญหน้ากับมือสังหารอย่างนักฆ่าดอกท้อบาน (Huang Wei Wei), นักฆ่าพัดขาว ซ่งหยู (กู้กวนจง, Ku Kuan Chung) และมีดบินเสี่ยวถัง (ฮุ่ยเทียนซื่อ, Austin Wai) นั่นทำให้การตามหาเสือดำหลั่นเฟยเป็นเรื่องยากยิ่งขึ้นไปอีก

ร่วมด้วย ถูจี่หลง, Dick Wei ในบทมือสังหารที่หลั่นเฟยส่งมาเล่นงานทงเปียวตอนต้นเรื่อง, เฉาต๋าหัว (Walter Tso, Tso Tat Wah) ในบทโจวยี่ซัน เจ้าของบ่อนโชคดี และอ้ายเฟย (Ai Fei) ในบทผู้กองจื่อ ที่ต้องคอยดูแลความสงบให้กับเมืองที่โคตรจะไม่สงบแห่งนี้

เรื่องนี้ก็สนุกครับ หนังให้อารมณ์ออกแนวคาวบอย ประมาณว่าตัวเอกเข้าเมืองมา แล้วทั้งเมืองก็ลุกเป็นไฟ มีการต่อสู้ปะทะกันเป็นพักๆ และโดยส่วนตัวผมดูเรื่องนี้แล้วนึกถึงหนังแบบชอลิ้วเฮียงเลยครับ โทนและการเดินเรื่องผมว่าคล้ายๆ กัน คือตัวเอกต้องมาสืบร่องรอยตามหาใครสักคน แล้วระหว่างทางก็จะเจอตัวละครมากมายซึ่งแต่ละคนล้วนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และบางทีก็ดูไม่ออกว่าใครมาดีมาร้าย หนังมันเลยน่าติดตามครับ เพราะเนื้อเรื่องมันชวนค้นหา แต่ละตัวละครพร้อมจะพลิกผันได้ทุกเมื่อ คนที่เหมือนจะดีอาจร้าย คนที่เหมือนจะร้ายอาจดี – หรือร้ายกาจกว่าที่คิด

หนังกำกับโดย ฉู่หยวน (Chor Yuen) นักทำหนังระดับตำนานอีกคนของวงการ ผมว่าหนังเล่าเรื่องได้เพลินมากครับ ไม่มีช่วงน่าเบื่อเลย เพราะแต่ละฉากมันเล่าต่อกันไปเรื่อยๆ จากเหตุการณ์หนึ่งนำไปสู่เหตุการณ์ต่อไป มันชวนให้เราตามไปเรื่อยๆ แล้วระหว่างนั้นก็จะมีฉากบู๊แทรกเข้ามาเป็นพักๆ ซึ่งก็จัดว่าบู๊กันได้มันส์ สู้กันได้สนุกไม่ใช่น้อย

แต่มีฉากหนึ่งที่ผมแอบขำครับ คือช่วงแรกๆ ที่ทงเปียวต้องเจอกับลูกน้องของโจวไป่ ฉากนั้นระหว่างที่ทงเปียวสู้อยู่ ปรากฏว่าเหล่าลูกน้องของโจวไป่ที่ยืนล้อมอยู่รอบๆ แต่ละคนก็ออกท่าทาง ออกแนวเหมือนเต้นน่ะครับ เต้นยึกไปยักมา ในแง่หนึ่งก็ดูปเนตัวประกอบที่เอาการเอางานดี แต่ในอีกแง่มันก็ดูฮาดีเหมือนกัน เพราะสมาธิของเราบางส่วนก็จะโดนแยกไปมองท่าทางยึกยักของเหล่าตัวประกอบนั้น จนผมต้องกรอฉากนั้นไหมเพราะพลาดฉากที่ทงเปียวสู้กับตัวละครอื่นน่ะครับ มัวแต่ดูพวกพี่เขาดิ้น 5555

แต่ส่วนใหญ่ถือว่าลงตัวครับ ฉากบู๊มาเรื่อยๆ เนื้อหาก็มีความซับซ้อนซ่อนเงื่อน เหตุการณ์มีความพลิกผัน โดยเฉพาะตอนจบที่ผมก็คาดไม่ถึงเหมือนกันว่ามันจะลงเอยแบบนี้ ซึ่งผมเชื่อว่าต้องมีคนที่ไม่ชอบนะ แต่สำหรับผมมันเป็นตอนจบที่ทำให้หนังเรื่องนี้น่าจดจำไปอีกแบบ (แต่ก็เข้าใจแหละ หากใครจะรู้สึกขัดใจกับฉากจบแบบนี้)

อีกอย่างที่ชอบคืองานฉากครับ หลายฉากเลยที่ออกแบบได้สวย เล่นกันแสงสีได้ดี โดยเฉพาะวิหารกลางป่าที่ที่ทงเปียวโดนล่อไปนั่น มันดูสวยแปลกตาดี จนบอกได้เลยครับว่าใครชอบงานฉากสวยๆ นี่ เรื่องนี้่นับว่าตอบโจทย์ไม่เลวทีเดียว

ด้านดารานี่ก็หายห่วงครับ แต่ละคนก็มืออาชีพกันทั้งนั้น พวกเขาทำให้หนังดูเพลินดีเหมือนกัน – โดยส่วนตัวผมมองว่าหนังเรื่องนี้ทำให้ผมตระหนักถึงความสำคัญของดาราครับ เพราะการแสดงดีๆ และเหมาะๆ ของพวกเขามันมีผลทำให้เราเพลิดเพลินกับการจับจ้องลีลาของพวกเขา อีกทั้งเรื่องราวบนจอด้วย – คือดูแล้วมันอยากรู้น่ะครับว่ามันจะไปยังไงต่อ

สรุปว่าเป็นอีกหนึ่งหนังบู๊ของ Shaw Brothers ที่ดูสนุกและถูกใจผมครับ – แต่จะถูกใจทุกท่านไหม คงต้องลองกันดูครับ แต่ผมก็ว่าเรื่องนี้คุ้มค่าน่าลองอยู่เหมือนกัน

และหนังยังมีชื่ออื่นๆ อีกครับ ได้แก่ Iron Chain Fighter และ Iron Chain Assassin

สองดาวครึ่งครับ

(7/10)