Comedy

The Miracle Club (2023) มิตรภาพ ศรัทธา ปาฏิหาริย์

ลิลี่ ฟ็อกซ์ (Maggie Smith), ไอลีน ดันน์ (Kathy Bates) และ ดอลลี่ เฮนเนสซี่ย์ (Agnes O’Casey) คือกลุ่มสตรีผู้มีศรัทธาและมุ่งหมายจะเดินทางไปยังเมืองลูร์ดเพื่อสักการะพระแม่มารี และหวังว่าพลังปาฏิหาริย์ของพระแม่จะสามารถช่วยเหลือพวกเธอให้พ้นจากเรื่องทุกข์ที่กำลังประสบอยู่ – แล้วเรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไปก็ต้องลองติดตามกันนะครับ

บอกเลยครับว่าหนังไม่ได้เน้นเรื่องอภินิหารหรือปาฏิหาริย์ แต่จะเน้นไปที่ความสัมพันธ์ระหว่างตัวละคร นอกจากลิลี่, ไอลีน และดอลลี่ที่เป็นเพื่อนกันแล้ว ก็ยังมี คริสซี่ เอเฮิร์น (Laura Linney) ลูกสาวของมัวรีน – เพื่อนของพวกเธอที่เพิ่งเสียชีวิตไป – ซึ่งก็แน่นอนว่าคริสซี่ย่อมมีปมในอดีตกับพวกลิลี่ครับ โดยหนังก็จะค่อยๆ เล่าให้เราฟัง จนรู้ที่มาที่ไปว่าทำไมคริสซี่ถึงหายตัวไปกว่า 40 ปี

จุดเด่นของหนังอย่างแรกเลยผมยกให้ฝีมือการแสดงของเหล่าดาราที่ถือว่าอยู่ในระดับไว้ใจได้ ทั้ง Smith, Bates และ Linney ต่างก็สวมวิญญาณเป็นตัวละครได้อย่างเข้าถึง ส่วน O’Casey ก็อาจจะหน้าใหม่สักหน่อย แต่เธอก็มีฝีมือพอที่จะเล่นรับส่งกับดารารุ่นเดอะได้ และอีกหนึ่งดาราหญิงลายครามที่มาร่วมแสดงก็คือ Brenda Fricker ที่หลายคนอาจจำได้จากบทคุณป้าเลี้ยงนกแห่ง Home Alone 2 เธอรับบทมัวรีนครับ เพียงแต่เธอจะมาแค่เสียง ไม่ได้ปรากฏตัวในเรื่อง

พูดได้เต็มปากว่าผมชอบหนังเรื่องนี้ครับ เพราะนอกจากพลังดาราแล้ว ตัวบทก็ถือว่าน่าติดตาม คือดูแล้วมันอยากรู้น่ะครับว่าพวกเธอมีปมอะไรต่อกัน และเรื่องราวมันจะลงเอยที่ตรงไหน ซึ่งหนังก็มาแนว Feel Good ครับ เลยไม่ได้มีดราม่าทะเลาะตบตี แต่จะเดินเรื่องไปทางทิศทางที่ตัวละครหันหน้าเข้าหากัน ปรับความเข้าใจกันแบบผู้ใหญ่ที่ต่างคนก็ต่างผ่านโลกมาเยอะจนพอจะเข้าใจอะไรๆ และปล่อยวางหลายๆ อย่างได้

ว่ากันตรงๆ คือมันอาจไม่ใหม่อะไรครับ และในแง่ความลึกซึ้งของบทก็อาจยังไม่มากด้วย แต่ด้วยการแสดงดีๆ และการเล่าเรื่องที่ถือว่าใช้ได้ เลยทำให้หนังออกมากลมกล่อมในแนวทางของมันครับ คือมันอาจจะยังไม่สุดทางอารมณ์ แต่ก็ถือว่าน่าพอใจแล้วสำหรับหนังชีวิตที่ว่าด้วยผู้สูงอายุแบบนี้

ผมชอบพาร์ทที่หนังแสดงให้เห็นถึงชีวิตของคุณสามีแต่ละคน ที่พอไม่มีคุณภรรยาอยู่ด้วยแล้วก็ถึงกับไปไม่เป็นกันเลยทีเดียว – ผมว่าสำหรับเหล่าสามีแล้ว ถ้าอยากเห็นปาฏิหาริย์นี่ไม่ต้องไปถึงเมืองลูร์ดเลยครับ แค่หันมาพิจารณาสิ่งที่ภรรยาตัวเองนี่แหละ สิ่งที่พวกเธอทำในแต่ละวันนี่มันก็ปาฏิหาริย์มากพอแล้ว เพราะไหนพวกเธอจะต้องดูแลลูก ดูแลสามี ดูแลบ้าน ซักผ้า ถูบ้าน ล้างจานล้างห้องน้่ำ ซื้อของเขาบ้าน ทำอาหารให้ถูกใจคนในบ้าน คอยสังเกตว่าคนในครอบครัวมีใครไม่สบายใจไหม แล้วก็คอยช่วยสางปัญหา คอยช่วยเป็นกาวใจเชื่อมคนในครอบครัวให้หันหน้าเข้าหากัน ฯลฯ

ภรรยาบางคนต้องทำทั้งหมดนั่น แล้วบวกด้วยทำงานหาเลี้ยงครอบครัว ไม่ว่าจะหารายได้เสริมเพื่อลดภาระสามี หรือไม่บางคนก็ต้องกลายเป็นแหล่งรายได้หลักไปเลยก็มี – การที่ภรรยาสักคนทำได้ทั้งหมดนี่โดยไม่ขาดตกบกพร่อง ถ้าไม่เรียกปาฏิหาริย์ก็ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรแล้ว… และเหล่าสามีก็ได้รู้ซึ้งถึงคุณค่าของผู้หญิงที่เคียงข้างพวกเขามาตลอด ในตอนที่อยู่ห่างกันนี่แหละ

ผมมองว่าหนังนั้นเสนอประเด็นเรื่องความเชื่อเพียงระดับหนึ่งครับ แต่สิ่งที่หนังเน้นมากกว่าคือการบอกให้เราเชื่อมั่นในตน เชื่อมั่นในกัน ถ้อยทีถ้อยอาศัยและอภัยให้กัน – นี่แหละครับ ผมชอบหนังเรื่องนี้ก็ตรงนี้แหละ

ทีนี้ขอผมเล่าตำนานการสร้างหนังเรื่องนี้สักหน่อย โดยผู้อำนวยการสร้างหนังเรื่องนี้อย่าง Joshua D. Maurer และ Alixandre Witlin พยายามผลักดันหนังเรื่องนี้ถึง 18 ปีกว่าจะได้สร้างออกมาให้เราได้ชมกัน โดยรอบแรกที่เกือบจะได้สร้างคือประมาณปี 2005 โดยที่ตอนนั้น James Smallhorne คนเขียนบทหนังถูกวางตำแหน่งให้มากำกับ ส่วนนักแสดงหลักๆ ก็คือ Smith, Bates, Joan Allen และ Claire Danes แต่แล้วหนังก็ไม่ได้เปิดกล้องสักทีเพราะมีปัญหาเรื่องทุนสร้าง ทำให้ Maurer และ Witlin ต้องตระเวนหาแหล่งเงินทุนอยู่หลายปี – แล้วก็ถูกปฏิเสธอยู่หลายปีเช่นกัน

แล้วในที่สุดทาง Lionsgate UK ก็เกิดสนใจหนังเรื่องนี้ครับ แล้วก็มีการให้ Timothy Prager มาช่วยเกลาบทร่วมกับ Maurer ก่อนจะทาบทามให้ Thaddeus O’Sullivan เจ้าของงานดีๆ อย่าง Into the Storm (หนังว่าด้วยเรื่องของวินสตัน เชอร์ชิลล์) ให้มาช่วยกำกับ แต่ก็เหมือนโชคชะตาเล่นตลกครับเพราะพอทุกอย่างพร้อมก็เกิดการระบาดของเชื้อโควิดพอดี เลยทำให้โปรเจคท์ต้องถูกเลื่อนแล้วเลื่อนเล่า กว่าจะได้ถ่ายทำก็ปาเข้าไปปี 2022 ครับ จนในที่สุดหนังก็สำเร็จออกมาให้เราเห็นกัน

แล้วนี่ก็กลายเป็นผลงานเรื่องสุดท้ายที่ฉายตอน Smith ยังมีชีวิตครับ

สาระสำคัญของหนังที่อยากเอ่ยถึงอีกครั้งก็คือ ปาฏิหาริย์จะเกิดกับเราไหมก็เรื่องหนึ่งครับ แต่ไม่ว่าจะยังไงเราก็ควรเรียนรู้ที่จะยืนหยัดเพื่อตนเอง เรียนรู้ที่จะเชื่อมั่นในตนเอง

… เผื่อไว้ครับ เผื่อว่าชีวิตนี้จะไม่มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นกับเรา เราจะได้อยู่ได้และมีที่พึ่ง

พึ่งตัวเราเองนี่แหละครับ

สองดาวครึ่งครับ

(7/10)