ก่อนผมจะดูภาคนี้ ผมก็เอา 3 ภาคแรกมาดูเรียงกันครับ โดยสรุปก็คือภาคแรกสนุกดี ส่วนภาคสองผมค่อนข้างเฉย และภาค 3 ก็กลับมาถูกใจผมอีกครั้ง ครั้นพอดูภาค 4 จบใจก็ถามเลยครับว่า ภาค 5 จะมาไหมเนี่ย?
ภาคนี้ไมค์ (Will Smith) และมาร์คัส (Martin Lawrence) กลับมาระห่ำกันอีกหน ส่วนเหตุที่เกิดก็คือมีคนวางแผนใส่ความผู้กองฮาเวิร์ด (Joe Pantoliano) ที่พวกเขาเคารพ งานนี้คู่หูขวางนรกเลยต้องสืบหาความจริงว่าใครกันแน่ที่ทำให้ชื่อเสียงของผู้กองต้องแปดเปื้อน แล้วเรื่องมันก็เลยเถิดจนถึงขั้นทำให้พวกเขาต้องโดนตามล่าจากทางการ
ในแง่ความสนุกผมก็ว่าพอๆ กับภาคที่แล้ว ซึ่งก็ไม่แปลกครับเพราะ Adil El Arbi และ Bilall Fallah กลับมากุมบังเหียนเหมือนเดิม หนังเลยดูเข้าชุดกับภาคที่แล้ว ชนิดที่พอเอามาดูต่อกันแล้วมันรู้สึกเลยน่ะครับว่าบรรยากาศและอะไรๆ มันเหมือนกัน โดยภาคนี้ก็เอามุก “ตัวเอกโดนไส่ความ” มาใช้ซึ่งก็ถือว่าโอเคครับ ส่วนตัวหนังก็สนุกดีทั้งในเรื่องแอ็คชั่นที่ยังระห่ำอยู่ แล้วก็เรื่องฮาๆ ที่เกิดจากการต่อปากต่อคำของไมค์และมาร์คัส จุดนี้ก็ถือว่ายังเวิร์คอยู่
สิ่งหนึ่งที่ผมชอบในภาคนี้คือการเชื่อมเรื่องราวเข้ากับภาคก่อนๆ ซึ่งไม่ใช่แค่ภาคที่แล้วนะครับ แต่เชื่อมไปถึงภาคแรกเลย ก็ทำให้เรารู้ชะตากรรมของบางตัวละครที่ผมเองก็มีคำถามนะ ว่าพวกเขาเป็นอย่างไรต่อเพราะไม่ได้รับการพูดถึงอีกเลย (อย่างนักสืบซานเชซและรูอิสจากภาคแรกเป็นต้น) มันอาจเป็นรายละเอียดเล็กๆ นะครับ แต่สำหรับคนที่ชอบรายละเอียดแบบผมมันก็เป็นอะไรที่สนุกดีที่ได้รู้ว่าอะไรเป็นอะไร
นักแสดงก็ถือว่าลื่นหมดครับ หน้าเก่าดั้งเดิมอย่าง Smith กับ Lawrence นี่นอนมาอยู่แล้ว ส่วนตัวละครจากภาคที่แล้วอย่างเคลลี่ (Vanessa Hudgens), ดอร์น (Alexander Ludwig), ริต้า (Paola Núñez) และอาร์มานโด้ (Jacob Scipio) ก็ถือว่าสานต่อบทได้พอเหมาะ หรือกระทั่ง Pantoliano ที่ถือเป็นบทรับเชิญก็ยังทำให้เราระลึกถึงลีลาการโวยวายของเขาได้
ส่วนบทเทเรซ่า ภรรยาของมาร์คัสนั้นก็มีการเปลี่ยนจาก Theresa Randle (ที่ตัดสินใจเกษียณจากงานแสดงแล้ว) มาเป็น Tasha Smith แทนซึ่งในฐานะที่ผมดู 3 ภาคต่อกันก็มีรู้สึกแปลกๆ บ้าง แต่ก็ไม่เป็นไรครับ พอเข้าใจได้ แต่รายที่ขโมยซีนไปเต็มๆ ต้องยกให้ Dennis Greene ในบทเรจจี้ ลูกเขยหน้านิ่งของมาร์คัส รายนี้ต้องจับตาดีๆ ครับ เพราะได้ซีนแบบเต็มๆ ไปซีนใหญ่ๆ เลยล่ะ
ผมดูหนังด้วยความเพลินครับ เพราะมันตอบโจทย์ตามที่เราอยากได้จากหนังชุดนี้ นั่นคือความมันส์ความระห่ำในฉากแอ็คชั่นต่างๆ ตามด้วยความฮาเพลินๆ ระหว่างคู่หูที่กัดกันได้ทั้งปีทั้งชาติที่บางครั้งก็ฮา แต่บางครั้งก็แอบสอดแทรกมิตรภาพซึ้งๆ เอาไว้ ถือเป็นอะไรที่เข้าท่าอยู่ แต่ลึกๆ ก็แอบคิดน่ะนะครับว่าถ้าหนังเสริมเรื่องดราม่าลงไปบ้าง ให้คู่หูคู่นี้ได้คุยเรื่องชีวิตบ้าง เช่นให้มาร์คัสแนะนำไมค์เรื่องลูกอะไรเงี้ย (เพราะมาร์คัสเคยผ่านเรื่องพวกนี้มาก่อนทั้งเรื่องเมียและเรื่องลูก) ก็คงเสริมอะไรๆ ที่น่าสนใจให้กับหนังได้อีก
แต่ก็ไม่รู้น่ะนะครับ ฉากพวกนี้อาจเกือบมีก็ได้ แต่มาโดนตัดออกทีหลังเพราะเวลาในหนังไม่พอหรือเปล่าอันนี้ก็ไม่แน่ใจ แต่ถ้ามีอะไรพวกนี้ใส่เข้าไปผมว่าน่าจะทำให้หนังดูแน่นขึ้นน่ะครับ
ส่วนตัวแล้วผมได้ตามที่หวังนะ คืออยากได้อะไรบ้างก็ได้ไปตามนั้น ไม่มากและไม่น้อยไปกว่านั้น และถ้ามีโอกาสก็คงเอามาดูซ้ำอีก – แต่อาจจะข้ามภาค 2 ไปเพราะสารภาพเลยว่าผมดูมา 3 รอบแล้วก็ยังเฉยอยู่ครับ สงสัยมันคงไม่ทางสำหรับผมจริงๆ
และรายได้ก็ยังเวิร์คอยู่ครับ ทำเงินทั่วโลกไป $404 ล้าน จากทุนสร้าง $100 ล้าน ก็กำไรงดงามตามท้องเรื่อง ระหว่างที่ผมพิมพ์อยู่นี่ Lawrence ก็ออกมาบอกแล้วว่ากำลังมีการคุยเรื่องการทำภาค 5 อยู่ ก็รอกันต่อไป
สองดาวครึ่งครับ
(7/10)
====== ขอสปอยล์หน่อยนะครับ ======
ออกตัวเลยว่าผมชอบพี่ Ioan Gruffudd นะ เขาคือรี๊ด ริชาร์ดส์จาก Fantastic Four ยุค 2000 แล้วผมก็ชอบพี่เขามากๆ ตอนเล่นนำในซีรี่ส์ Forever (ที่ทำได้แค่ปีเดียวแล้วก็ไม่ได้ไปต่อ) แต่ระยะหลังๆ นี่พี่เขามักจะโผล่ในหนังแล้วรับบทเป็นคนร้ายเสมอ คือเป็นคนประเภทดูดีแต่เปลือก แต่จริงๆ ร้ายอะไรประมาณนี้น่ะครับ ซึ่งเรื่องนี้พอเห็นหน้าผมก็กะแล้วล่ะว่า “ใช่แน่ พี่แกร้ายแน่นอน” แล้วก็เป็นแบบนั้นจริงๆ – แอบคิดว่าพี่เขาจะมีโอกาสได้เล่นนำเป็นคนดีๆ ในหนังใหญ่อีกไหมเนี่ย
หมวดหมู่:Action, Adventure, Comedy, Crime, Movie Reviews, Recommended Movies, Thriller












