ก่อนดูนี่ไม่คาดหวังอะไรเลยครับ เพราะรู้ว่าเป็นหนังภาคต่อแบบทำลงทีวีก่อนจะออกแผ่นในเวลาต่อมา แล้วก็ทำหลังจากภาคแรกตั้ง 14 ปีแน่ะ
ครั้นพอได้ดูก็เซอร์ไพรส์เล็กๆ ครับ เพราะหนังถือว่าดูได้เพลินอยู่ โอเคช่วงต้นๆ เราอาจต้องทนกับพฤติกรรมที่ไม่น่ารักของพระเอก-นางเอกบ้าง แต่พอดูๆ ไป พอเวลาผ่านไป พอพวกเขาได้เรียนรู้อะไรมากขึ้น โทนหนังก็เหมือนได้รับการเซ็ตตัวในระดับที่พอเหมาะ นั่นเลยทำให้ครึ่งหลังนี่ถือว่าดูเพลินสบายๆ สไตล์หนังรอมคอมเลยล่ะครับ
อีกอย่างที่เซอร์ไพรส์คือ นี่เป็นหนังภาคต่อจริงๆ ครับ ตอนแรกนึกว่าแค่เอาชื่อว่า แต่กลายเป็นว่ามันต่อเนื่องทางเนื้อเรื่องด้วย เพราะตัวเอกนั้นคือ แจ็คเกอลีน “แจ็คกี้” ดอร์ซี่ย์ (Christy Carlson Romano) ซึ่งเธอก็คือลูกสาวของดั๊กและเคท ตัวเอกจากภาคแรกนั่นเอง เพียงแต่ภาคนี้ได้ดาราคู่ใหม่มาสวมบทครับ ซึ่งก็คือ Scott Thompson Baker มาเป็นดั๊ก และ Stepfanie Kramer มาเป็นเคท
ส่วนพล็อตหลักก็ยังคล้ายของเดิม ว่าด้วยนักกีฬาสเก็ตลีลาที่ออกแนวคุณหนูและเอาแต่ใจสักหน่อย แล้วเธอก็ได้เจอกับ อเล็กซ์ (Ross Thomas) หนุ่มนักโต้คลื่นที่ไปๆ มาๆ ก็มาจับคู่กับเธอในการเล่นสเก็ต แล้วก็ตามสูตรครับที่คู่นี้จะต้องมีความเป็นพ่อแง่แม่งอนกันบ้าง ก่อนที่ในที่สุดทั้งคู่จะรู้ตัวว่า แท้จริงแล้วหัวใจของพวกเขากำลังเชื่อมเข้าหากันด้วยความรัก
อย่างที่บอกครับว่าช่วงต้นๆ บางท่านอาจต้องใช้ความอดทนในการดูบ้าง (อย่างผมเป็นต้น) เพราะเราจะต้องมาดูความเยอะของแจ็คกี้ แล้วก็ความแสบของอเล็กซ์ แต่ผมว่าหนังมีเหตุผลที่ทำให้เราเห็นแบบนั้นครับ ประมาณว่าช่วงแรกๆ ทั้งคู่ก็ทั้งพยศและไม่ยอมลงให้ใคร จะเอาแต่ความคิดของตัวเองเป็นใหญ่ แต่แล้วพอพวกเขาได้ฝึกสเก็ตร่วมกัน ได้ผ่านอะไรๆ มาด้วยกัน พวกเขาก็ค่อยๆ เติบโตขึ้น รู้สึกผ่อนหนักผ่อนเบากับชีวิตมากขึ้น จนท้ายสุดพวกเขาก็โต (Grow) ไปด้วยกัน
ถ้ามองในทางธรรมก็คงบอกได้ว่า พวกเขาคบกันแล้วต่างก็เสริมจิตเสริมใจเสริมพลังให้กัแก่กัน ชักพากันไปสู่ที่ทางที่ดี พูดง่ายๆ คือคบกันแล้วสร้างความเจริญให้กันนั่นแหละครับ ซึ่งผมมองว่ามันเป็นอะไรที่น่ารักนะ แล้วก็ถือเป็นพลังสำคัญเลยล่ะที่ทำให้ผมเพลินกับหนังเรื่องนี้ไปจนจบ เพราะมันไม่ใช่หนังรักกุ๊กกิ๊กเธอปิ๊งฉันฉันปิ๊งเธอเพียงแค่นั้น แต่มันมีความเป็น Coming of Age มันมีพัฒนาการของตัวละครด้วย แม้จะไม่ถึงขั้นลึกซึ้งยอดเยี่ยมอะไรก็เถอะ แต่ก็ถือว่ามีในระดับที่พอจะพูดได้ว่าหนังก็มีส่วนดีไม่น้อยเหมือนกัน
ในแง่การแสดงนั้น ว่ากันตรงๆ Romano กับ Thomas อาจยังไม่ถึงขั้นว่าแสดงได้ดีจัดๆ แต่ผมว่าก็อยู่ในระดับโอเคน่ะครับ เคมีพวกเขาก็ถือว่าเข้ากันอยู่ และในซีนอารมณ์นี่บางฉากก็เล่นเอาอึ้งเลยนะ อย่างผมนี่โดนมากๆ กับฉากตอนที่แจ็คกี้กับอเล็กซ์มีปากเสียงกัน (ซึ่งก็เกิดจากการที่แจ็คกี้เฮิร์ตที่รู้ว่าอเล็กซ์กลับไปคบกับแฟนเก่า) จนอเล็กซ์ถามว่า “คุณต้องการอะไรล่ะ?” แจ็คกี้ก็ตอบไปทั้งน้ำตาว่า “ไม่ ฉันไม่ได้ต้องการอะไรทั้งนั้น”
คือปากน่ะบอกไม่ครับ แต่หน้าตา แววตา ท่าทางเธอแทบจะตะโกนลั่นฮอลล์อยู่แล้วว่า “ฉันรักคุณไง!!!!!!!!!!!!!! ไม่เห็นเหรอ!!!!!!!!!!!!” ซีนนี้เล่นเอาผมอึ้งครับ เพราะพวกเขาสื่อสารส่งพลังกันได้ถึงจริงๆ คือถ้าทำได้ก็คงเดินเข้าจอไปตบหัวอเล็กซ์แล้วล่ะ ประมาณว่า “นายนี่ ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลยยยยย”
ส่วนบทด้๊กกับเคทนั้น แม้ลึกๆ จะแอบเสียดายที่ดาราต้นฉบับไม่ได้มาเล่น แต่ Baker กับ Kramer ก็แสดงได้ดีนะครับ โดยเฉพาะยามที่พวกเขาต้องสอนลูก เตือนสติลูก หรือชี้แนะอะไรสักอย่างกับลูก มันดูแล้วเชื่อว่าพวกเขาห่วงใยลูกสาวคนนี้จริงๆ
หนังกำกับโดย Sean McNamara ที่ผมจำชื่อเขาได้แม่นจากหนัง Soul Surfer (หนังสร้างจากเรื่องจริงว่าด้วยนักเซิร์ฟสาวที่โดนฉลามกัดจนแขนขาด แต่เธอก็ไม่ยอมแพ้ที่จะลงแข่งอีก) เรื่องนี้ดีมากครับ ใครยังไม่ดูผมแนะนำเลย แล้วเขาก็กำกับหนังไว้อีกเยอะครับ มีทั้งที่เวิร์กและไม่เวิร์ก ส่วนเรื่องนี้อยู่ในข่ายโอเคนะ ถือว่าน่าพอใจ อาจไม่สุดยอดแต่ก็ไม่ย่ำแย่ ถือว่าดูได้เพลินๆ ตามแบบฉบับหนังรอมคอมว่าด้วยนักกีฬา
เอาเป็นว่าใครรักภาคแรก ก็ลองตามมาดูภาคนี้ได้ครับ ขอเพียงลดความคาดหวังลง และเปิดใจอีกสักหน่อย บวกกับความอดทนสักนิด (ในกรณีที่คุณไม่ค่อยชอบยามต้องมาดูตัวเอกทำตัวน่ารำคาญหน่อยๆ) ผมว่าภาคนี้ตอบโจทย์บันเทิงได้โอเคอยู่ครับ
สองดาวกว่าครับ
(6.5/10)
หมวดหมู่:Comedy, Drama, Family, Inspirational Movies, Movie Reviews, Romance, Romance Romance, Romantic Comedy, Sport











