นายตำรวจ ดัตช์ แวน เดน บร็อค (Harrison Ford) และนักการเมืองชื่อดัง เคย์ แชนด์เลอร์ (Kristin Scott Thomas) ทั้ง 2 ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนครับ แต่แล้วเหตุการณ์เครื่องบินตกก็นำพาทั้งคู่มาพบกัน เพราะในบรรดาผู้เสียชีวิตนั้น คือเพย์ตัน (Susanna Thompson) ภรรยาของดัตช์ และคัลเลน (Peter Coyote) สามีของเคย์ ซึ่งจากร่องรอยหลักฐานต่างๆ ก็ชี้ชัดว่า ทั้งคู่คบหากันอย่างลับๆ และกำลังจะนั่งเครื่องบินไปใช้เวลาด้วยกัน แบบที่พวกเขาทำกันมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง
แน่นอนว่าเรื่องนี้ทำร้ายจิตใจทั้งของดัตช์และเคย์อย่างสาหัส พวกเขาแทบรับความจริงไม่ได้ในตอนแรกๆ แต่ขณะเดียวกันเรื่องนี้ก็ทำให้ทั้งคู่ได้มารู้จักกัน และอาจเพราะพวกเขาต่างฝ่ายต่างเข้าใจและรับรู้ถึงความเจ็บปวดที่ได้รับ พวกเขาตกอยู่ในที่นั่งเดียวกัน – หรือจะเพราะเหตุผลใดอื่นก็ตาม – ในที่สุดหัวใจของพวกเขาก็เริ่มหันมาใกล้ชิดกัน…
ถือเป็นหนึ่งในหนังล่มแห่งปี 1999 ครับ หนังลงทุนราว $64 ล้าน แต่ทำเงินในอเมริกาได้แค่ $31 ล้าน หรือหากรวมทั่วโลกก็ได้ไป $74 ล้าน ก็ยังเข้าเนื้อลึกอยู่ ซึ่งถ้าถามว่าทำไมหนังถึงไปไม่ได้ไกล ส่วนหนึ่งอาจเพราะแนวของหนังมันไม่ขายเท่าไรครับ คือที่ขายน่ะคือชื่อของดารานำ แต่ตัวหนังเองดูจะหากลุ่มลูกค้าได้ไม่ง่ายนัก เพราะมันไม่ใช่โรแมนติกเต็มตัว แล้วก็ไม่ใช่ระทึกขวัญสืบสวนแบบเต็มขั้น มันก้ำๆ กึ่งๆ จนถ้าคนอยากดูหนังโรแมนติกก็คงรู้สึกว่ามันยังไม่ใช่ หรือถ้าจะดูสืบสวนมันก็ยังไม่ถึง
แล้วความโรแมนติกของพระนางก็มีต้นเหตุมาจากการที่คนรักของทั้งคู่เป็นชู้กัน จนผมพอจะเข้าใจเลยครับว่าทำไมหลายคนถึงนิยามหนังเรื่องนี้ว่าเป็นแนว Dark Romance เพราะมันไม่ใช่ความรักที่สดใส ไม่ใช่เรื่องราวที่เริงรื่น แต่มันคือความรักที่เกิดจากโศกนาฏกรรม เป็นความรักที่แฝงด้วยความหดหู่ และชวนให้ประดักประเดิดอยู่ไม่น้อย และการจะเล่าเรื่องราวเหล่านี้ให้ออกมาคล่องคอสำหรับผู้ชมนั้นมันก็ไม่ใช่ของง่ายเหมือนกัน
แต่กระนั้นผู้กำกับ Sydney Pollack (The Way We Were, Three Days of the Condor, Tootsie และ Out of Africa) ก็คุมหนังได้โอเคในระดับหนึ่งครับ พลังสำคัญเลยของหนังผมว่าคือดารานะ Ford และ Thomas ต่างก็ถ่ายทอดบทบาทได้ดี เช่นเดียวกับดาราแวดล้อมก็ถือว่าเล่นกันได้เหมาะ แต่จุดที่ยังไม่แน่นหนักก็คือเรื่องบทครับ ตัวบทมันยังไม่กระจ่างชัดในตัวเอง ว่าหนังเรื่องนี้จะพาคนดูไปทางไหน จะเน้นเรื่องความรักของ 2 ตัวเอก หรือจะเน้นการค้นหาความจริงว่าคนรักของพวกเขาไปลงเอยคบหากันอีท่าไหน อะไรคือสิ่งที่ทำให้พวกเขาแอบคบกัน ฯลฯ
หรือจริงๆ ก็คือต้องนำเสนอทั้งหมดไปพร้อมๆ กันนั่นแหละ แต่มันต้องเกลี่ยเฉลี่ยรายละเอียดต่างๆ ให้สมส่วนและสมดุล ให้เราเห็นจุดเชื่อมของเรื่องราวและเข้าถึงความรู้สึกของตัวละคร ซึ่งในส่วนนี้อาจยังไม่ถึงเท่าไร
แต่จริงๆ ครับ ผมรู้สึกเลยว่าหนังยังดูได้เรื่อยๆ เพราะดาราเล่นกันดี คนอื่นๆ คือประมาณหนึ่ง แต่ 2 ตัวเอกนี่ถือว่าดึงความสนใจคนดูได้ และในกรณีผมอีกหนึ่งสิ่งที่เป็นพลังในการดึงดูดให้ผมตามดูหนังไปเรื่อยๆ จนจบได้ ผมยกให้ทีมพากย์ครับ มีพี่จักรกฤษณ์พากย์เสียง Ford และพี่กรรณิการ์พากย์เสียง Thomas บวกด้วยเหล่านักพากย์ระดับอาชีพ ทั้งหมดนี้ทำให้หนังที่ดูเรื่อยๆ เรื่องนี้มันมีความน่าดูสำหรับผม – สำหรับผมที่โตมากับหนังพากย์ไทยนี่ เสียงพากย์มีความหมายจริงๆ ครับ
ส่วนทุนสร้างที่ค่อนข้างสูงนั้นก็พอเข้าใจได้ครับ มาจากค่าตัวดาราอย่างหนึ่งล่ะ และอีกหนึ่งก็คืองานฉากที่จำลองเหตุการณ์เครื่องบินตก ซึ่งหนังก็ทำฉากเหล่านี้ได้สมจริงอยู่ ไม่ว่าจะตอนซากเครื่องบินลอยกลางน้ำ หรือตอนที่หนังฉายให้เห็นภาพงานเก็บกู้ต่างๆ ดูแล้วเลยพอเข้าใจครับว่าหนังหมดเงินไปกับอะไรเหล่านี้ไม่น้อยเหมือนกัน ไหนจะสถานที่ต่างๆ ที่พระ-นางไปตามรอยการคบชู้ของคนรักตน ฉากเหล่านี้ก็คงต้องลงทุนอีกพอสมควรในการเข้าใช้สถานที่ ดังนั้นในแง่การลงทุนนี่ก็พอเข้าใจได้ครับว่าทำไมทุนถึงปาไป $60 กว่าล้าน – โดยส่วนตัวผมว่าสถานที่ต่างๆ ก็มีส่วนทำให้ตัวหนังดูดีและมีระดับขึ้นมาพอตัวเหมือนกัน
มาที่เกร็ดหนังกันบ้างครับ จริงๆ แล้วแรกเริ่มเดิมทีหนังที่ Ford และ Thomas จะมาแสดงร่วมกันนั้นไม่ใช่เรื่องนี้หรอกครับ แต่จะเป็นเรื่อง Age of Aquarius เป็นหนังว่าด้วยความรักกลางสมรภูมิสงครามบอสเนีย และหนังจะกำกับโดย Phil Alden Robinson (Field of Dreams, Sneakers และ The Sum of All Fears) แต่แล้วจู่ๆ ค่าย Universal เจ้าของโปรเจคท์ก็ตัดสินใจล้มโครงการเพราะทุนมันดูจะสูงไปหน่อย
จากนั้น Ford ก็เลยเมียงมองหาโปรเจคท์ใหม่ แล้วเขาก็ไปพบนิยายเรื่องนี้เข้า (เขียนโดย Warren Adler) โดยที่โปรเจคท์ฉบับหนังของนิยายเรื่องนี้น่ะร่ำๆ ว่าจะถูกสร้างตั้งแต่ยุค 80 ครับ ตอนนั้น Dustin Hoffman สนใจจะมาแสดง แต่พออ่านบทร่างแรกแล้วเกิดไม่ถูกใจเลยตบเท้าออกจากโปรเจคท์ จากนั้นพอยุค 90 Kevin Costner ก็มาสนใจนิยายเรื่องนี้ แล้วหมายจะให้ James L. Brooks (As Good As It Gets) มากำกับ แต่สุดท้ายโครงการก็ไปไม่ถึงไหน จนกระทั่ง Ford ไปเจอเข้านี่แหละครับ เขาเลยคว้าไว้และให้ Pollack มากำกับ พร้อมเชิญ Thomas มาร่วมงาน หนังเรื่องนี้เลยคลอดออกมาเป็นอย่างที่เราเห็น
และจริงๆ แล้วในฉบับนิยายนั้น ตัวเอกของเรื่องจะมีชื่อว่า เอ็ดเวิร์ด และ วิเวียน ครับ แต่ทางทีมงานก็ตัดสินใจเปลี่ยนเพราะมีหนังดังในยุคนั้นที่มีพระเอกและนางเอกชื่อนี้ไปแล้ว ซึ่งก็คือเรื่อง Pretty Woman นั่้นเอง
และกล่าวกันว่าฉากซากเครื่องบินตกในหนังนั้นมีความสมจริงมากจนถึงขั้นทำให้ชาวบ้านแถบนั้นคิดว่ามีเครื่องบินตกจริงๆ แล้วก็มีคนโทรไปแจ้ง 911 กว่า 40 รายทีเดียว
อีกหนึ่งอย่างที่อยากบันทึกไว้ก็คือ หนังเรื่องนี้ถือเป็นผลงานของ Ford เพียงเรื่องเดียวที่ตัวละครของเขาในเรื่องมีการใส่ต่างหู และว่ากันว่าในชีวิตจริงนั้น Ford ก็ใส่ต่างหูเหมือนกัน
สำหรับผมแล้ว หนังถือว่าดูได้ครับ แม้จะยาวตั้ง 2 ชั่วโมงกว่าและอาจเดินเรื่องแบบไปเรื่อยๆ แต่ผมก็ยังโอเคเพราะมีนักแสดงที่ชอบมาฝากฝีมือดีๆ เอาไว้ และงานสร้างก็ถือว่าโอเค ดังนั้นหนังจึงน่าจะเหมาะสำหรับคนที่เป็นแฟนของ Ford และ Thomas น่ะครับ แต่ขณะเดียวกันก็ต้องบอกไว้ก่อนว่าตัวหนังถือว่ากลางๆ ยังไม่ถึงรสชาติแบบเต็มๆ ไม่ว่าจะเรื่องความโรแมนติก เรื่องการสืบสวนตามปม อีกอย่างคือความรักในหนังนั้นก็ค่อนข้างเป็นรักแบบผู้ใหญ่ครับ ไม่ได้มีวาระหวานแหว๋วกุ๊กกิ๊กอะไร แต่มันคือความรักของคน 2 คนที่ชีวิตผ่านอะไรมาพอสมควรแล้ว แต่ก็ยังไม่วายเจอโจทย์ใหญ่ๆ มากระทบจนชีวิตกระเทือน
อาจจะไม่ใช่หนังแนวนี้ที่ดีนัก แต่จะว่าไปหนังแนวนี้ก็มีออกมาไม่บ่อยครับ ดังนั้นถ้าจะดูแก้ขัด (เพราะมันมาแบบนานๆ ที) ก็ไม่ว่ากัน
สองดาวกว่าๆ ครับ
(6.5/10)
หมวดหมู่:Drama, Movie Reviews, Mystery, Romance, Romance Romance












