Action

Kraven the Hunter (2024) เครเว่น เดอะ ฮันเตอร์

ดูเรื่องนี้ท่ามกลางความไม่คาดหวังครับ เพราะหนังโดนบ่นมาเยอะแล้ว ก็กะดูไปตามหน้าที่ ครั้นพอดูแล้วก็บังเกิดความรู้สึกหนึ่งขึ้นมา นั่นคือ “ผมอยากนอน” ครับ

ไม่ใช่ดูแล้วง่วงนะครับ คือมันไม่ง่วงนะ ดูได้จนจบนั่นแหละ แต่แค่รู้สึกว่าหนังมันเรื่อย เดินเรื่องไปแบบไม่มีอะไรน่าสนใจ ไม่มีอะไรดึงดูด จนรู้สึกว่าอยากเอาเวลาที่ใช้ไปกับการดูเนี่ย เอามานอนสักตื่นน่าจะเวิร์คกว่า – แปลกที่ไม่ได้รู้สึกว่าอยากดูเรื่องอื่นหรืออะไรนะครับ ใจมันอยากจะนอนอย่างเดียวเลย – ก็แปลกดี 555 เลยอยากขอบันทึกไว้ก่อน ไว้ค่อยมาคิดอีกทีว่าอารมณ์ไหนหว่าเรา

จริงๆ องค์ประกอบของหนังนั้นไม่แย่นะครับ คือดาราก็ดี งานสร้างก็โอเค หรือพล็อตเรื่องจริงๆ ก็มีทิศทาง มันคือการเดินทางของชายคนหนึ่งที่อยากจะหลุดพ้นจากเงื้อมมือของพ่อตนเองที่หมายจะควบคุมชีวิตของเขา – แล้วก็พอดีที่พี่แกได้รับพลังพิเศษมาน่ะครับ เลยเหมือนได้ทางออกน่ะครับ พี่ท่านเลยโลดแล่นอยู่ในโลกด้วยชีวิตใหม่ แต่ไปๆ มาๆ ก็ยังมีคนพยายามจะมาลิขิตชีวิตเขาอยู่ดี พี่ท่านก็เลยต้องจัดการสู้กลับ

มองจากโครงสร้างจริงๆ ก็พอไหวครับ แต่การเล่าเรื่องมันชืดเกิน จืดเกิน ถ้าว่าตามสัดส่วนผมว่าตัวหนังมันมีความเป็นดราม่าเป็นหลัก พวกแอ็คชั่นหรือความเป็นซูเปอร์ฮีโร่อะไรถือเป็นส่วนประกอบ แต่ถึงกระนั้นก็เถอะ ต่อให้เป็นหนังดราม่า แต่มันก็ทำให้สนุกได้ ทำให้น่าติดตามได้ สามารถทิ้งปมวางปมสร้างประเด็นขัดแย้งให้มันชวนดูได้ แต่กลายเป็นว่าหนังเรื่องนี้เล่าแบบไปเรื่อยๆ ไปเรื่อยๆ ไปเรื่อยๆ เส้นกราฟนิ่ง แม้เรื่องราวมันจะมีมีขึ้นมีลงก็ตาม แต่กราฟก็ยังนิ่ง คือมันนิ่งไปน่ะครับ นิ่งจนงงเลยว่าอะไรจะนิ่งได้ปานนี้

ฉากแอ็คชั่นก็ออกแนวธรรมดาครับ พื้นมาก จนบอกได้เลยว่าหนังแอ็คชั่นเกรดบีที่มีดาราที่เป็นนักบู๊จริงๆ ยังจะตอบโจทย์ด้านความมันส์ได้มากกว่า ฉากที่ผมว่าพอได้สำหรับแอ็คชั่นน่าจะเป็นตอนที่เครเว่น (Aaron Taylor-Johnson) ไล่ตามรถที่ลักพาน้องชายไปน่ะครับ ฉากนั้นคือพอไหว แต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นมันส์อะไรนะครับ แต่ฉากนั้นจัดว่าลุ้นสุดแล้วในเรื่อง

ถ้าพูดถึงดารา ผมว่าผมชอบ Alessandro Nivola สุด พี่แกดูเป็นตัวละครที่น่าสนใจดี แต่หนังก็เล่นกับคาแรคเตอร์นี้ได้ยังไม่สุด ผมว่าพี่แกสามารถมีความลึกได้มากกว่านี้ ก็แอบเสียดายเหมือนกัน

ยอมรับว่าระหว่างดูนี่ นอกจากความรู้สึกว่าอยากจะนอนแล้ว มันมีคำหนึ่งผุดขึ้นในหัวเป็นพักๆ นั่นคือคำว่า “แล้วไง?” มันเหมือนว่าผมไม่อินไปกับหนังเลยน่ะครับ แม้จะดูแล้วพอรู้เรื่องว่ามันกำลังเกิดอะไรขึ้น และมันจะนำเราไปสู่อะไร แต่ในใจมันเหมือนไม่ได้อยากรู้เลยว่าเรื่องราวต่อไปจะเป็นไง – นิ่งครับ นิ่งมากจริงๆ

เอาเป็นว่าหากอยากลองดูก็ไม่มีปัญหาครับ ส่วนผมก็ขอว่าไปตามที่คิด คือมันนิ่งจริงๆ แต่กระนั้นก็ไม่ได้รู้สึกว่าหนังมันแย่อะไรขนาดนั้นนะครับ แค่ไม่รู้สึกถึงความสนุก ไม่รู้สึกว่ามันน่าสนใจ มันจืดชืดจนน่าเสียดายน่ะครับ

เมื่อมองย้อนไปในจักรวาล Spider-Man ของ Sony ก็ดูเหมือนจะมีแค่หนังชุด Venom น่ะครับที่พอไหว แต่นอกนั้นคือไม่โอเคทั้งหมดเลย ไม่ว่าจะ Morbius, Madame Web หรือเรื่องนี้ มันไม่ใช่แค่เพราะตลาดหนังซูเปอร์ฮีโร่วาย แต่ตัวหนังเองก็ไม่เวิร์คด้วย จนไม่แปลกใจที่รายได้ทั่วโลกจะหยุดอยู่ที่ $61.9 ล้าน ก็เข้าเนื้อกันไปหนักๆ (หนังลงทุน $110 ล้านครับ)

ไม่ถึงสองดาวครับ

(5.5/10)