เข้าทางผมอีกแล้วครับเรื่องนี้ สำหรับหนังแนวบอกเล่าชีวิตช่วงหนึ่งของใครสักคน
เรื่องนี้ก็เล่าย้อนไปถึงยุค 70 ครับ ตัวเอกคือ แกรี่ (Cooper Hoffman) หนุ่มน้อยที่เป็นดาราดาวรุ่งกับอาลาน่า (Alana Haim) ที่จริงๆ แล้วอายุมากกว่าแกรี่ แต่แกรี่ก็ชอบเธอครับเลยเดินหน้าเข้าจีบ – ผมเล่าแค่นี้ล่ะครับ ที่เหลือไปตามดูกันต่อ เพราะความสนุกของหนังแนวนี้คือการได้ตามรับรู้เรื่องราวของพวกเขาไปเรื่อยๆ ดูว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาจะเป็นยังไงต่อ และมันจะลงเอยที่ตรงไหน
หนังเขียนบทและกำกับโดย Paul Thomas Anderson ซึ่งสำหรับผมชื่อนี้ไว้ใจได้เสมอครับ จะดีมากดีน้อยก็ว่ากันไป แต่ยังไงก็มักจะออกมาดีนั่นแหละ กับเรื่องนี้ผมก็ดูได้แบบเพลินๆ เลยครับ สิ่งแรกที่จัดว่าดีคือ 2 ดารานำที่ Hoffman นี่ถือเป็นหน้าใหม่เพราะเล่นเรื่องนี้เป็นเรื่องแรก ส่วน Haim จริงๆ ก็เล่นหนังยาวเป็นเรื่องแรกเหมือนกัน แต่ก็พอมีประสบการณ์มาบ้างจากงานมิวสิควีดีโอและซีรี่ส์ – ประเด็นคือพวกเขาเล่นได้ลื่นครับ เคมีเข้ากันสุดๆ อันนี้ต้องชม Cassandra Kulukundis เลยเพราะแคสมาดีมากๆ (รายนี้แคสดาราให้หนังของ Anderson มาตั้งแต่ Magnolia แล้วครับ)
บอกเลยครับว่า 2 ดารานำเอาอยู่มากๆ ดูแล้วมันรู้สึกผูกพันกับตัวละครและแอบอินเป็นพักๆ แอบลุ้นว่าพวกเขาจะได้ลงเอยกันไหม หรือจะต้องเจอวิบากชีวิตแบบไหนบ้าง พูดง่ายๆ คือหนังทำให้เรารู้สึกว่าพวกเขามีตัวตนและมีเลือดเนื้อน่ะครับ ซึ่งอะไรแบบนี้ก็เป็นของถนัดของ Anderson อยู่แล้ว ที่ทั้งสามารถทำให้เรารู้สึกว่าตัวละครในเรื่องมีตัวตน และสามารถเล่าเรื่องที่บางครั้งก็เป็นเรื่องง่ายๆ พื้นๆ แบบที่เราเห็นในหนังมานักต่อนักแล้ว แต่เขาก็จะสามารถเล่าแล้วทำให้เราสนใจและใคร่ดูต่อไปเรื่อยๆ
เพลงประกอบคืออีกหนึ่งของดีครับ แต่ละเพลงที่เลือกมานี่เข้ากับอารมณ์ของหนังแบบสุดๆ อย่างตอนได้ยินเพลง Stumblin’ In นี่ คือกลิ่นอายยุค 70 กระแทกเข้าหัวอย่างแรงเลยครับ อันนี้แนะนำเลยว่าใครอยากสัมผัสอารมณ์ยุค 70 ให้เข้า Youtube ไปหาเพลย์ลิสต์ซาวด์แทร็คของหนังมาฟังได้เลยครับ รับรองฟิน – ดีไม่ดีถึงขั้นเก็บเอาไปฝันเป็นยุค 70 เลยนะนั่น ทำเป็นเล่นไป
ผมคงไม่ร่ายยาวครับเรื่องนี้ เพราะในแง่เนื้อหามันไม่ได้ซับซ้อนอะไร แล้วก็ไม่ได้ดูยากจนถึงขั้นต้องปีนกระไดดู แต่มันคือการบอกเล่าชีวิตของคน 2 คน เป็นชีวิตแบบที่เราๆ ท่านๆ ก็เคยเจอกันมาแล้วเมื่อสมัยวัยรุ่น – หรือสำหรับบางคนอาจยังไม่เจอ แต่สักวันก็ต้องเจอครับ ไม่มากก็น้อย
โดยส่วนตัวผมว่าเสน่ห์ของช่วงวัยนี้อาจไม่ใช่ตรงความลึกล้ำหรือปรัชญาสูงส่งอะไร แต่เสน่ห์ของมันคือความไร้เดียงสา คือความตื่นเต้นยามเราได้ทำอะไรๆ เป็นครั้งแรก เช่น จีบสาวหรือจีบหนุ่มเป็นครั้งแรก, โทรหาคนที่ชอบครั้งแรก, บอกรักครั้งแรก, เดตครั้งแรก, จับมือครั้งแรก, อกหักครั้งแรก, ทะเลาะกับคนรักครั้งแรก, บอกเลิกครั้งแรก ฯลฯ มันคืออะไรที่เรียบง่าย แต่ตราตรึงลึกซึ้งในความรู้สึก
และบางครั้งการไม่เข้าใจในบางสิ่ง คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราเข้าใจในสิ่งนั้น
ฉากหนึ่งที่ผมชอบอยู่ลึกๆ คือตอนกลางเรื่องที่แจ็ค โฮลเดน (Sean Penn) จะขี่มอเตอร์ไซค์ข้ามกองไฟนั่นแหละครับ มันทำให้ตระหนักนะว่า ท่ามกลางหนึ่งเหตุการณ์ที่คนพากันสนใจและรุมล้อม ไม่แน่ว่า ณ อีกมุมเล็กๆ ในที่แห่งนั้น อาจมีเรื่องเล็กๆ กำลังเกิดขึ้น เป็นเรื่องเล็กๆ ที่ไม่ได้มีความหมายต่อคนทั้งโลก แต่มันมีความหมายเหลือล้น มีความหมายสุดใจต่อคนธรรมดาสักหนึ่งหรือสองคน
ผมอาจเป็นคนส่วนน้อยนะครับ แต่ระหว่างเรื่องใหญ่ข่าวโตที่ดังกึกก้องไปทั่วพสุธา กับเรื่องเล็กๆ ลึกๆ ซึ้งๆ ในมุมน้อยๆ ของคนไม่กี่คน – ผมมักให้ค่ากับเรื่องหลังครับ…
ผมคงเอามาดูซ้ำอีกแน่ๆ ล่ะครับ เพราะของมันเข้าทาง แต่ก็ต้องบอกก่อนครับว่าความเด็ดความยอดของหนังอาจไม่เท่าผลงานก่อนๆ ของ Anderson อย่าง Boogie Nights หรือ Magnolia น่ะนะครับ แต่หากเทียบกับหนังแนวนี้ – แนวบอกเล่าเรื่องราวชีวิตช่วงหนึ่งของใครสักคน หรือหนังแนว Coming of Age – ที่มีการทำออกมาในระยะหลังๆ นี้ ผมว่าเรื่องนี้อยู่ในข่ายดีและคุ้มค่าแก่การดูครับ
สองดาวครึ่งบวกๆ ครับ
(7.5/10)
หมวดหมู่:Comedy, Drama, Movie Reviews, Recommended Movies, Romance, Romance Romance, Romantic Comedy












