Crime

At Close Range (1986) โฉดจากนรก

ดูเรื่องนี้แล้วทำให้ตระหนักถึงพลังของ “การเลี้ยงดู” และ “สิ่งแวดล้อม” ที่มีส่วนหล่อหลอมแต่ละคนให้เติบโตขึ้นมามีชีวิตที่แตกต่างกันไป

และทำให้เข้าใจว่าบางคนโตมาในโลกของอาชญากร เรียนรู้วิธีในการเอาตัวรอดแบบอาชญากร และประสบการณ์ต่างๆ ก็สอนเขาให้มี Mind Set แบบหนึ่ง สุดท้ายเขาเลยใช้ชีวิตไปในแนวทางนั้นโดยไม่คิดตั้งคำถามว่าชีวิตแบบนี้มันดีหรือไม่ มันถูกหรือผิดอย่างไร? – เขารู้เพียงว่า ก็เขาโตมาแบบนี้ มันคือโลกใบเดียวที่เขามี มันคือทางปกติที่เขาได้รับการหล่อหลอมมาว่า “มันก็เป็นของมันแบบนี้แหละ”

หนังสร้างจากเค้าโครงเรื่องจริงของ Bruce Johnston Jr. ที่ได้รับการชักนำจากพ่อที่เป็นหัวหน้าแก๊งในการเข้าสู่โลกของอาชญากรรม ส่วนเวอร์ชั่นหนังก็ได้มีการเปลี่ยนชื่อตัวเอกเป็น แบรด ไวท์วู้ด จูเนียร์ (Sean Penn) ส่วนพ่อก็เป็น แบรด ซีเนียร์ (Christopher Walken) ซึ่งหนังก็จะเล่าให้เราเห็นว่าแบรด จูเนียร์เป็นคนแบบไหนในตอนแรก จากนั้นพอเขาได้พบพ่อแล้ว พ่อก็ชักนำแบรดมาสู่วงการปล้นชิงอย่างไร ส่วนเรื่องราวถัดจากนั้นไปชมกันต่อในหนังจะดีที่สุดครับ สปอยล์หมดเดี๋ยวไม่มันส์

ช่วงนี้ผมดูหนังยุค 80 – 90 อยู่หลายเรื่อง แล้วหนังส่วนใหญ่ที่ดูก็มักจะมีจุดเด่นอยู่ที่ฝีมือการแสดงดีๆ ของดาราในยุคนั้น ซึ่งบางครั้งด้วยการแสดงของพวกเขานี่แหละครับที่ทำให้หนังเรื่องนั้นมันดูโอเคและน่าดู ในขณะที่บทอาจยังไม่เข้มข้นนัก แต่ก็รอดมาได้เพราะดารา ทว่ากับเรื่องนี้เนี่ย พลังมาเต็มจากทุกภาคส่วนเลยครับ ดาราก็เด็ด ตัวบทก็ดี มีความเข้มข้นตลอด – โอเคครับ ตอนต้นบทอาจยังไม่ค่อยมีอะไรนัก แต่หนังก็มีพลังเพราะการแสดงเจ๋งๆ ของ Penn ซึ่งลำพังเขาก็เอาหนังอยู่ในระดับหนึ่งอยู่แล้ว ครั้นพอ Walken มาประกบนี่ พลังของหนังมันมาเต็มครับ ทั้งคู่รับส่งพลังกันได้อย่างยอดเยี่ยม ดูแล้วเชื่อว่าเป็นพ่อลูกกัน และที่สำคัญคือดูแล้วเชื่อแบบสนิทใจว่าพวกเขาคือตัวละครนั้นๆ จริงๆ

แล้วพอกลางเรื่อง บทก็เริ่มเข้มแล้วครับ ทีนี้เส้นกราฟความน่าติดตามก็พุ่งเลย ซึ่งจริงๆ พล็อตมันไม่ได้แปลกใหม่หรือหักมุมอะไรหรอกครับ คือดูไปเราก็รู้น่ะว่าหนังจะลงเอยแบบไหน แต่ด้วยการแสดงดีๆ กับบทแน่นๆ มันทำให้หนังน่าติดตามไปจนจบ ซึ่งนอกจาก 2 ดารานำที่เล่นกันได้อย่างเทพแล้ว ก็ยังมีดาราแวดล้อมที่คอยเสริมพลังให้กับหนัง ไม่ว่าจะ Chris Penn (น้องชายจริงๆ ของ Sean Penn) ที่มาเป็นทอมมี่ น้องของแบรด, Mary Stuart Masterson เป็นเทอร์รี่ สาวน้อยที่แบรดรัก, Tracey Walter ที่หลายคนอาจจำได้จากบทบ็อบ มือขวาของโจ๊กเกอร์ใน Batman (1989) ก็มาเป็น แพตช์ หนึ่งในตัวแสบของแก๊งแบรด ซีเนียร์

แล้วเรายังจะได้เห็น David Strathairn ในบทหนึ่งในลูกทีมของแบรด ซีเนียร์, Stephen Geoffreys (อีวิล เอ็ดจาก Fright Night ภาคต้นฉบับ), Crispin Glover 2 คนนี้มาเป็นเพื่อนของแบรด จูเนียร์ และ Kiefer Sutherland ที่ตอนนั้นยังละอ่อนมาเป็นเพื่อนอีกคนของแบรด จูเนียร์

ผมมองว่าหนังเรื่องนี้เป็นเหมือนโศกนาฏกรรมครับ เป็นเรื่องราวของพ่อที่สอนและชี้นำจนลูกหันมาก้าวเดินบนเส้นทางอาชญากร ซึ่งเรื่องราวทำนองนี้ยากเหลือเกินครับที่จะลงเอยแบบแฮปปี้ ในท้ายที่สุดแล้วไม่ใครก็ใครจะต้องสูญเสีย ไม่ใครก็ใครจะต้องเจ็บปวด และไม่ใครก็ใครจะต้องได้รับผลจากการกระทำ – และผมว่าหนังเรื่องนี้ถือเป็นอุทาหรณ์ที่ใครก็ตามที่คิดอยากจะเดินบนเส้นทางสายนี้ ควรได้ลองชมและนำเนื้อหากับแง่คิดทั้งหลายไปพิจารณาดู

ผมเข้าใจครับว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะมีทางเลือก แต่หากเราตระหนักว่าชีวิตแบบที่เราใช้อยู่นี้ มันจะต้องลงเอยแบบจบไม่สวย บางทีมันก็ต้องลองหาเส้นทางอื่นเพื่อจะไปต่อ หากหาไม่ได้หรือหาไม่พบก็ว่ากันไป แต่อย่าด่วนถอดใจตั้งแต่ยังไม่เริ่มหาเลยครับ

สำหรับผม หนังเรื่องนี้จัดว่าดีเลยครับ ดารายอด การเล่าเรื่องก็ชวนติดตาม ถือเป็นงานกำกับที่น่าจดจำของ James Foley แล้วเพลงประกอบของหนังยังเพราะอีกด้วยครับ – เพลง Live To Tell ของ Madonna น่ะครับ เป็นอะไรที่เหมาะกับหนังมากๆ

แต่น่าเสียดายที่หนังไม่ฮิตตอนออกฉายครับ ทำเงินไปเพียง $2.3 ล้าน แต่ทุนสร้างน่ะอยู่ที $6.5 ล้านครับ ก็เข้าเนื้อกันไป

เอาเป็นว่าเรื่องนี้ผมแนะนำครับ แค่ดู Penn กับ Walken แสดงคู่กันก็คุ้มมากๆ แล้วล่ะ

สองดาวครึ่งบวกๆ ครับ

(7.5/10)