Comedy

Vampire’s Kiss (1988) ฝังเขี้ยวแวมไพร์พันธุ์กะล่อน

Nicolas Cage เคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่านี่คือผลงานการแสดงชิ้นที่เขาชอบมากๆ ครับ ครั้นพอได้ดูก็เข้าใจเลยว่าทำไม

ตัวเอกคือ ปีเตอร์ โลว์ (Nicolas Cage) ที่ได้พบกับสาวสวยนางหนึ่ง (Jennifer Beals) เธอกัดคอเขา แล้วจากนั้นปีเตอร์ก็เริ่มมีพฤติกรรมแปลกๆ จนในที่สุดเขาก็คิดว่า ตัวเขากำลังจะเป็นแวมไพร์

ตอนแรกผมนึกว่าหนังจะมาแนวฮาๆ แบบ Once Bitten ของ Jim Carrey ประเภทว่าให้ตัวละครมาคลั่งๆ แล้วก็ขำๆ แต่กลายเป็นว่าหนังออกแนวตลกร้ายผสมดราม่าครับ ระหว่างดูเนี่ยเราก็จะมีคำถามว่าตกลงที่ปีเตอร์มีพฤติกรรมบ้าๆ แปลกๆ เนี่ย มันเป็นเพราะเขาจะเป็นแวมไพร์จริงๆ หรือเพราะเขาเครียดหนักจากเรื่องงาน/เรื่องการใช้ชีวิตจนส่งผลต่อสภาพจิตกันแน่

จุดเด่นจริงๆ เลยของหนังผมยกให้การแสดงของ Cage ครับ คือพี่เขาทุ่มแบบสุดตัว เล่นเป็นคนคลั่งๆ คุ้มดีคุ้มร้ายได้อย่างเยี่ยม ที่หนังน่าดูตั้งแต่ต้นจนจบนี่เพราะพี่เขาเลยครับ เพราะเนื้อหาจริงๆ น่ะไม่มีอะไรมาก แต่หนังมันเอาอยู่เพราะพี่เขาโดยแท้ ซึ่ง Cage ก็เคยบอกไว้ว่า จริงๆ แล้วเขาน่ะปล่อยของไว้มากกว่าที่เห็นในหนังอีกนะ แต่บางฉากก็ถูกเฉือนออกไป ซึ่ง Cage ก็ยังคงเสียดายมาจนถึงทุกวันนี้ และว่ากันว่า Cage ยังพยายามหาทางจะให้มีหนังเวอร์ชั่นตัดต่อใหม่โดยใส่ฉากที่ถูกตัดกลับเข้าไปจนถึงทุกวันนี้

นอกจากการแสดงเด่นๆ ของ Cage แล้ว ดาราสมทบก็นับว่าเวิร์กครับ ไม่ว่าจะ Maria Conchita Alonso ในบทอัลวา เลขที่ต้องมาคอยรองรับอารมณ์ของปีเตอร์, Beals ในบทสาวลึกลับที่กัดคอเขา แล้วก็ยังมาปรากฏตัวเป็นพักๆ และ Elizabeth Ashley ในบท ดร.กลาสเซอร์ จิตแพทย์ที่ปีเตอร์ต้องไปเข้ารับการบำบัด – แต่ทั้งนี้และทั้งนั้น คนที่ครองจอตัวจริงคือ Cage ครับ

ของดีอีกอย่างที่เข้าตาผมคืองานภาพสวยๆ ของ Stefan Czapsky ที่ในเวลาต่อมาจะได้ไปกำกับภาพให้กับหนังอย่าง Edward Scissorhands, Batman Returns, Ed Wood และ Matilda ซึ่งสำหรับเรื่องนี้ผมชอบช็อตมุมกว้างของเขาครับ มันให้อารมณ์เหมือนหนังแวมไพร์สมัยก่อนที่ชอบจับภาพปราสาทกว้างๆ หรือโถงทางเดินใหญ่ๆ แม้สถานที่ในเรื่องจะเป็นยุคปัจจุบัน แต่เขาก็สามารถจับเอาอารมณ์ที่ว่านั้นใส่ลงในภาพได้อย่างพอเหมาะ

อีกคนที่ต้องชมคือ Colin Towns ที่บรรเลงดนตรีสไตล์หนังแวมไพร์ใส่ลงมาได้แบบกำลังดี และบางฉากก็สามารถเร้าอารมณ์ผู้ชมได้อย่างไม่น่าเชื่อ

สำหรับเกร็ดน่ารู้ของหนังก็มีดังนี้ครับ เริ่มจากคนที่เกือบจะได้มาแสดงในบทปีเตอร์เนี่ย ก่อนจะมาเป็น Cage ก็มีชื่อดาราอย่าง John Travolta, Arnold Schwarzenegger และ Sylvester Stallone อยู่ในลิสต์ – แต่ผมว่า Cage นี่แหละเหมาะสุดแล้วครับ

และหนังยังมีฉากในตำนานอย่างตอนที่ปีเตอร์กินแมลงสาบเข้าไป ซึ่ง Cage ก็กินจริงๆ ด้วยนะครับ ฉากนี้น่าจะมีคนเหวอไม่น้อย ผมเองยังอึ้งน่ะ ซึ่งฉากนี้เป็นไอเดียของ Cage เองด้วยครับ ว่ากันว่าถ่ายกันอยู่ 3 เทค ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าพี่เขาต้องกินแมลงสาบจริงๆ หมดทุกเทคไหมน่ะนะครับ แต่ที่แน่ๆ คืออย่างน้อยหนึ่งตัวที่ Cage จับเข้าปากไปครับ และว่ากันว่าฉากนี้ทำให้ Cage ต้องรับโทรศัพท์จากนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิสัตว์อยู่หลายสายเลยล่ะครับ

และ Christian Bale ก็เคยออกมาบอกว่า เขาน่ะใช้การแสดงของ Cage จากเรื่องนี้มาเป็นโมเดลตอนรับบทนำในหนัง American Psycho ด้วยครับ

สรุปว่าตัวหนังจริงๆ ไม่มีอะไรมากครับ มันไม่ได้ตลกโปกฮา แล้วก็ไม่ได้ดราม่าจ๋าๆ เรื่องราวก็ไม่ได้เข้มข้นอะไร แต่ที่มันน่าดูก็เพราะการแสดงเยี่ยมๆ ของ Cage นี่แหละ ดังนั้นใครเป็นแฟนพี่เขา ก็ลองตามไปดูกันได้ครับ

สองดาวกว่าๆ ให้พี่ Cage ครับ

(6.5/10)