เรื่องนี้จัดว่าน่าดูตรงพล็อตครับ ประมาณว่า 2 นักมวยในตำนานที่ผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะมาทั้งชีวิตกำลังจะกลับมาชกกันอีกหนในตอนที่พวกเขาแก่จนเกือบหง่อม และนักมวยคู่นั้นก็คือ บิลลี่ “เดอะ คิด” แมคดอนเนน (Robert De Niro) และ เฮนรี่ “เรเซอร์” ชาร์ป (Sylvester Stallone) ซึ่งไฮไลท์ของหนังก็หนีไม่พ้นการดวลหมัดกันระหว่าง 2 คนนี้ในตอนท้าย แต่ขณะเดียวกันตอนระหว่างทางนี้เนื้อหาก็นับว่าโอเคครับ ชวนติดตามใช้ได้อยู่
หนังออกแนวดราม่าผสมเบาสมองครับ พล็อตหลักว่าด้วยการกลับมาต่อยกันอีกหนของพวกเขา ส่วนพล็อตรองก็ว่าด้วยปมในชีวิตของพวกเขา ไม่ว่าจะตัวเฮนรี่เองที่ได้กลับมาสานสัมพันธ์ใหม่กับแซลลี่ (Kim Basinger) แฟนเก่าของเขาที่ตอนนั้นมีอันต้องเลิกกันไปก็เพราะบิลลี่นี่แหละดันมายุ่งกับเธอ ส่วนบิลลี่เองก็ต้องมานั่งตั้งหลักสานสายใยกับลูกชายที่ชื่อ บีเจ (Jon Bernthal)
สิ่งแรกที่เตะเข้าเบ้าตาระหว่างดูหนังเรื่องนี้ก็คือ Basinger สวยมากๆ! โอเค คือผมรู้ว่าเธอสวยครับ สวยมานานแล้วนั่นแหละ แต่ประเด็นคือในเรื่องนี้นี่เธอสวยเด่นและทรงเสน่ห์มากๆ ประหนึ่งว่ากาลเวลาทำอะไรเธอไม่ได้เลยเนี่ย
หนังก็ดูเพลินดีครับ พลังสำคัญผมยกให้เหล่าดารานะ เพราะพล็อตจริงๆ ก็ไม่ได้แปลกใหม่หรือไม่ได้ซับซ้อนอะไร หรือการเดินเรื่องเองจริงๆ ก็ยังไม่ถึงขั้นชวนติดตามแบบเต็มๆ แต่ออกจะเป็นการเล่าแบบไปเรื่อยๆ มากกว่า ซึ่งนี่ก็เป็นงานกำกับของ Peter Segal ที่มักจะทำหนังแนวตั้งใจฮาอย่าง Naked Gun 33 1/3: The Final Insult, Nutty Professor II: The Klumps, Anger Management, 50 First Dates และ Get Smart ในขณะที่เรื่องนี้จริงๆ มันจะออกแนวดราม่าครับ เป็นดราม่าที่มีอารมณ์ขันแทรกผสมๆ ลงมา ไม่ได้ตั้งหน้าตั้งตาฮาเหมือนเรื่องก่อนๆ ซึ่งก็อาจเพราะแบบนั้นน่ะครับ ลีลาการกำกับของเขามันเลยดูยั้งๆ จะฮาก็ยังไม่สุด หรือจะดราม่าก็ยังไม่เต็ม ออกแนวกลางๆ เหมือนทำออกมาแบบเพลย์เซฟ ไม่หนักมือ หนังเลยออกมาแบบดูได้เรื่อยๆ เพลินๆ แต่ก็ยังไม่กลมกล่อมแบบเต็มร้อย
ก็อย่างที่บอกน่ะครับ พลังสำคัญเลยคือดาราที่เล่นกันแบบมืออาชีพ เลยทำให้หนังที่ดูเรื่อยๆ มันดูมีอะไรมากขึ้น ดูน่าสนใจและชวนติดตามมากขึ้น บางฉากนี่มันจะดูไม่มีอะไรเลยนะ ถ้าไม่ใช่เพราะการแสดงของ De Niro และ Stallone ล่ะก็
แต่กระนั้นผมก็ค่อนข้างโอเคกับหนังครับ ได้เห็น 2 ดาราระดับตำนานมาแสดงคู่กัน และต่างคนต่างก็เคยรับบทนักมวยระดับตำนานมาแล้วทั้งคู่ คือมันอาจจะไม่ได้ลงตัวไปเสียทั้งหมด แต่ฝีมือของพวกเขาก็ช่วยกันทำให้หนังออกมาค่อนข้างเวิร์ก และผมชอบตอนท้ายนะ ตอนที่พวกเขาต้องมาดวลกันในสนาม มันเป็นการดวลที่เจือไปด้วยเรื่องของมิตรภาพ เรื่องของศักดิ์ศรี ประมาณว่าพวกเขาแม้จะไม่ได้ซี้กัน และจริงๆ คือเป็นคู่แข่งคู่อาฆาตกันอีกต่างหาก แต่ในทางหนึ่งพวกเขาก็รู้จักกันมาค่อนชีวิตน่ะครับ ไม่ว่าพวกเขาจะรู้สึกเชิงบวกหรือเชิงลบต่อกัน แต่มันก็มีสายใยบางอย่างระหว่างพวกเขาอยู่ดี แล้วในที่สุดสายใยนั้นก็ทำงาน ทำให้พวกเขาต่างนับถือและให้เกียรติกันและกัน – เป็นภาพที่ประทับใจนะผมว่า ผมชอบเห็นภาพแบบนี้น่ะครับ ภาพแบบคนสองคนมีไมตรีมิตรภาพให้แก่กัน หรือยิ่งคนที่เคยอยู่กันคนละขั้วคนละฝ่ายแล้วกันมาจับมือกันยามแก่นี่ มันเป็นอะไรที่มีความหมายครับ
สรุปคือถ้าท่านชอบ 2 ดารานำ หรือฟังพล็อตแล้วสนใจก็ลองจัดดูได้ครับ ถ้าไม่คาดหวังผมว่าก็ไม่น่าจะผิดหวังนะ เพราะหนังก็ถือว่าออกมาโอเค แต่ก็แอบเห็นใจเรื่องรายได้ครับ เพราะทำเงินทั่วโลกไปแค่ $44 ล้าน แต่ทุนน่ะ $40 ล้านครับ ก็ถือว่าติดตัวแดงนั่นแหละ แต่ตอนนี้น่าจะโปะทุนได้แล้วมั้ง
อีกอย่างคือผมไม่แน่ใจว่าตกลงหนังเรื่องนี้ชื่อไทยว่าอะไรกันแน่ครับ เพราะชื่อบนกล่องแผ่น DVD มันคือ คู่กัดคู่เก๋าสิงห์เฒ่าล้างตา และขณะเดียวกันถ้าไปค้นในเน็ตก็จะเห็นชื่อ “2 เก๋า ปิดตำนานสังเวียนเดือด” โผล่ออกมาอีกชื่อหนึ่ง เอาเป็นว่าไม่ว่าจะชื่อไทยอันไหน ก็คือหนังเรื่องนี้นั่นแหละครับ
สองดาวกว่าๆ ครับ
(6.5/10)
หมวดหมู่:Comedy, Drama, Movie Reviews, Sport












