Action

Stonados (2013)

โจ แรนดัลล์ (Paul Johansson) อดีตนักล่าพายุที่ตอนนี้ผันตัวมาเป็นครูสอนวิทยาศาสตร์อยู่ในบอสตัน แล้วจู่ๆ ที่นั่นก็เกิดพายุทอร์นาโดขึ้นมากลางทะเลครับ และพายุลูกนี้ก็ไม่ธรรมดาเพราะมันสามารถพัดก้อนหินออกมาจากตัวมัน และก้อนหินนั้นก็ยังสามารถระเบิดได้อีกต่างหาก ทีนี้ทั้งเมืองก็เลยโกลาหลครับ หลายชีวิตต้องสูญเสียไปจากภัยครั้งนี้ ทำให้โจกับเพื่อนนักพยากรณ์อากาศอย่าง ลี คาร์ลตัน (Sebastian Spence) และแมดดี้ (Miranda Frigon) น้องสาวของโจ ต้องร่วมมือกันหาคำตอบว่าอะไรที่ทำให้เกิดพายุชนิดนี้ และที่สำคัญคือจะหยุดมันได้อย่างไร

ใช่ครับ นี่คือหนังภัยพิบัติเกรดรองๆ ที่ทำเพื่อฉายทางทีวี แน่นอนครับว่างานสร้างน่ะไม่ได้ดีอะไรนักหรอก อย่างภาพพายุนี่ก็ดูออกชัดเจนว่าโคตรจะ CG และยังเป็น CG ที่ไม่เนียนอย่างแรงอีกด้วย ดังนั้นเรื่องความสมจริงนี่ลืมไปได้เลยครับ พวกฉากทำลายล้างหลายๆ ฉากเลยออกมาดูตลก ยิ่งฉากที่คนโดนหินหรือข้าวของกระแทกนี่บางซีนก็ดูชวนให้ขำแทนที่จะทำให้เกิดความสะเทือนใจ

แต่ขณะเดียวกันหนังก็ไม่ถึงขั้นเห่ยเฟยหรือน่าหนักใจเท่าหนังแนวสัตว์โลกน่ารักเกรดรองนะครับ อันนั้นส่วนหนึ่งที่มันน่าหนักใจก็เพราะเนื้อเรื่องที่บางทีก็ตลก หรือไมก่็เขียนบทออกมาแบบปั่นๆ เร่งๆ โดยไม่คิดคำนึงถึงเหตุผลใด แต่กับเรื่องนี้คนเขียนบทก็ยังพยายามจะใส่เหตุใส่ผลลงไป เช่นเหตุผลในการเกิดพายุตัวนี้ก็มีการผูกเชื่อมไปว่านี่เป็นพายุที่เกิดจากความผิดปกติของชั้นบรรยากาศ ซึ่งผมก็ไม่ได้เก่งวิทย์น่ะนะครับ เลยไม่รู้ว่ามันเป็นไปได้แค่ไหน แต่อย่างน้อยเท่าที่เห็นหนังก็พยายามนำเสนอมันแบบให้ดูมีอะไร อย่างน้อยก็มีความพยายาม ไม่ปล่อยให้หนังเบาโหวงจนเกินไป

หรือฉากตอนเกิดภัยพิบัตินี่ แม้งานสร้างจะไม่เนียน CG จะชวนขำ แต่อย่างน้อยเหล่าตัวประกอบในจอเขาก็พยายามนะ เวลาหนังมีการซูมให้เห็นใบหน้าพวกเขาก็ดูออกน่ะครับว่าพวกเขาส่วนใหญ่ก็พยายามเล่นให้มันดูจริงเท่าที่จะทำได้ – คือคนที่หลุดยิ้มออกมา จริงๆ ก็มีครับ แต่ก็ถือเป็นส่วนน้อยน่ะ ส่วนใหญ่ถือว่าตั้งใจเล่น บรรยากาศมันเลยดูได้อารมณ์ตื่นเต้นในระดับหนึ่ง

และผมว่าผู้กำกับ Jason Bourque ก็มีความพยายามในการคุมหนังให้ออกมาดูดีเท่าที่จะเป็นไปได้น่ะครับ คือดูแล้วรู้สึกได้ถึงความตั้งใจ ไม่ได้ทำออกมาลวกๆ แบบหนังลงทีวีหรือลงแผ่น คือมันอาจไม่ได้ดีเด่อะไรน่ะนะครับ แต่ถ้าเทียบกับหนังเกรดเดียวกัน ผมมองว่างานของเขาชิ้นนี้ทำออกมายังพอน่าดูอยู่บ้าง ซึ่งเขาคนนี้ในเวลาต่อมาก็จะหันมาทำหนังรอมคอมให้ Hallmark อยู่หลายเรื่อง และเรื่องหนึ่งที่ผมเคยดูแล้วชอบก็คือ My Christmas Family Tree เรื่องนั้นถือว่าเขาปล่อยของได้ในระดับที่น่าพอใจ

ดาราก็ถือว่าโอเคนะครับ แสดงได้ดี สำหรับผมนี่จะคุ้นหน้า Frigon มากหน่อย (เธอเป็นบมสมทบขาประจำในหนังชุด Aurora Teagarden Mysteries ของ Hallmark น่ะครับ) และอีกรายที่เห็นหน้าแล้วแอบดีใจคือ William B. Davis ที่แฟนๆ The X-Files ต้องจำเขาได้จากบทมนุษย์มะเร็ง มาเรื่องนี้เขารับบท เบน คนเฝ้าประภาคารที่คอยสังเกตพายุแล้วบอกรายละเอียดให้โจเอาไปวิเคราะห์ บทก็ไม่เยอะหรอกครับ แต่ก็ถือว่าคุ้นเคยกันมาน่ะ

แล้วหนังยังพยายามใส่ประเด็นดราม่าลงไปเป็นเรื่องลูกๆ ของโจน่ะครับ ประมาณว่าพยายามจะให้หนังดูมีอะไรมากขึ้น แต่ส่วนที่ว่านี่ผมว่าก็กลางๆ ครับ จริงๆ ตัดออกไปก็ได้แหละ แต่เดาว่าส่วนหนึ่งก็ใส่ลงมาเพื่อให้เวลาจะได้ยืดออกไปให้ครบๆ ชั่วโมงครึ่ง จะไปเน้นใส่ฉากภัยพิบัติอย่างเดียวเดี๋ยวจะเกินงบก็เลยใส่เรื่องเชิงดราม่าลงมา ก็ถือว่าพอได้ครับ แต่ก็ไม่ได้เด่นอะไร

เอาเป็นว่าเรื่องนี้ผมโอเคนะ ถือว่าดูได้แก้เบื่อสำหรับหนังแนวนี้+เกรดนี้ ประเภทว่าเปิดดูเป็นเพื่อนระหว่างทำงานแบบดูมั่งไม่ดูมั่งแต่ก็ยังรู้เรื่อง แต่ถ้าใครอยากได้ของมันส์ของจริงก็ต้องไปดู Twister ภาคแรกครับ

ดาวครึ่งได้ครับ

(5/10)