ก่อนอื่นใครที่คาดหมายว่านี่จะเป็นหนังโรแมนติกกุ๊กกิ๊กหวานๆ ล่ะก็ ต้องปรับความคาดหวังด่วนครับ เพราะแม้หนังจะว่าด้วยความรัก แต่มันจะหนักไปทางดราม่าที่มีความเครียดและกดดันแทรกอยู่ในเนื้อเรื่องพอสมควร
เรื่องความรักของนักเขียนสาว มีอา เบิร์ก (Rosalinde Mynster) ที่ได้มาพบกันคุณพ่อลูกสองอย่าง อีมีล (Joachim Fjelstrup) แล้วพวกเขาก็รักกันจนตัดสินใจที่จะมีลูกด้วยกัน แต่แล้วมันก็ไม่เป็นไปดั่งใจจนพวกเขาต้องพึ่งพาวิทยาการทางการแพทย์ แต่มันก็ยังคงยากอยู่จนทำให้ชีวิตรักของพวกเขาเริ่มระหองระแหง เราก็ต้องมาตามดูกันล่ะครับว่าสุดท้ายแล้ว ความรักของพวกเขาจะต้องพบกับบทสรุปเช่นไร
หนังจัดว่าดูได้เรื่อยๆ ครับ ผมว่านักแสดงทำหน้าที่ได้ดีนะ พวกเขาทำให้ตัวละครดูมีชีวิตขึ้นมาจริงๆ ส่วนการเล่าเรื่องผมว่าโอเค คือมันอาจไม่ได้สมบูรณ์แบบหรือทำให้เราอินแบบสุดๆ แต่ก็พอจะทำให้เราสัมผัสได้ถึงความทุกข์ของพวกเขา ว่าง่ายๆ คือพอจะทำให้เราเห็นใจในวิบากของพวกเขาอยู่พอสมควร
สำหรับผมแล้ว คุณค่าอย่างหนึ่งของหนังคือการแวะมาย้ำเตือนให้เราตระหนักว่า ความรักก็เหมือนกุหลาบที่จะมาพร้อมทั้งดอก หนาม ก้าน และใบ เรียกว่าหากมีรักท่านก็จะได้เจออะไรต่อมิอะไรแบบครบรสครับ ไม่ว่าจะความหวานน้ำตาลเชื่อมยามที่รักเบ่งบาน หรือความขมทะลุหลอดยามเจอปัญหา ไม่ว่าจะเป็นปัญหาระหว่างกัน หรือปัญหาที่มาจากภายนอก – ปัญหาจะไม่ถามครับว่าเราพร้อมที่จะเผชิญกันมันหรือไม่ แต่มันจะมาหาเราแน่นอน
ผมชอบฉากที่มีอาให้สัมภาษณ์ในงานหนังสือแล้วค่อยๆ เปิดเผยถึงผลงานเขียนชิ้นต่อไปที่จะเกี่ยวกับหญิงสาวที่มีบุตรยาก ฉากนั้น… ผมรู้สึกถึงคำว่า “โอบกอด” ครับ มันมีสัมผัสของการโอบกอดในฉากนั้น ผมชอบที่หนังถ่ายทอดมันอย่างเรียบง่าย ไม่ซับซ้อน ตรงไปตรงมา มันดูเรียบง่ายแต่สัมผัสได้ถึงห้วงอารมณ์ทั้งจากมีอาและคนในห้อง
บางทีก็แบ่งปันเล่าเรื่องหนักอกของเราให้ใครสักคนฟัง มันก็ช่วยบรรเทาความหนักให้ลดลงไปได้บ้างนะครับ อย่างน้อยก็ ณ ตอนนั้น ซึ่งอันนี้ก็ต้องดูให้ดีด้วยน่ะนะครับว่าเราจะมีคนที่สามารถไว้ใจที่จะเล่าเรื่องราวให้เขาฟังได้ไหม หรือถ้าไม่รู้จะเล่าให้ใครฟังก็เขียนมันลงไดอารี่ก็ได้ ลองระบายออกมาดูครับ มันช่วยได้นะ – ที่บอกได้ก็เพราะเคยมาแล้วน่ะครับ แล้วมันก็ช่วยได้จริงๆ
สรุปแล้ว ตัวหนังถือว่าน่าพอใจครับ ไม่ถึงกับดีมาก แต่ก็น่าพอใจอยู่ และหนังเหมาะสำหรับคนที่มีคู่ครับ ดูเพื่อตระหนักรู้ว่าวันหนึ่งเรากับคนรักก็อาจต้องเผชิญกับเรื่องไม่พึงประสงค์ เจอปัญหา เจอความไม่เข้าใจ ซึ่งมันจะเป็นบททดสอบแห่งความรักให้เราฝ่าฟันครับ พอถึงตรงนั้นก็ขึ้นอยู่กับเราและเขาแล้วล่ะครับ ว่าจะประคองกันไปได้ไหม จะให้กำลังใจกันได้แค่ไหน หรือจะเลือกเดินจากไปแบบทางใครทางมัน
แต่ในฐานะที่ผ่านชีวิตว่าพอสมควร ผมว่าทุกปัญหามันจะดูยากตอนเริ่มครับ ตอนมันมาใหม่ๆ นี่มันจะดูตัวใหญ่และน่ากลัวมากๆ เลยล่ะ แต่ถ้าเราตั้งหลักตั้งสติสักนิด สูดลมหายใจผ่อนคลายสักพัก ขนาดที่ดูใหญ่โตของมันก็จะลดลงไป อาจไม่ใช่เพราะปัญหามันเล็กลง แต่มันเพราะเราสามารถมีสติรับมือกับมันได้มากขึ้น
และปัญหาก็เหมือนศัตรูในเกมน่ะครับ ยิ่งสู้ยิ่งรับมือกับมัน เราก็จะมีประสบการณ์เพิ่ม เราจะเลเวลอัพและเก่งขึ้นได้ และในแง่ของความรักแล้ว การแก้ปัญหาที่เหมาะสมจะทำให้ความรักสมบูรณ์แข็งแรงขึ้นได้ด้วย
แต่ก็นั่นล่ะครับ ผมบอกมุมมองในเชิงบวกไป และผมก็ควรบอกในเชิงไม่บวกคู่กันไว้ด้วยว่า ถ้าสุดท้ายแล้ว เราพยายามแบบเต็มที่แล้วในการแก้ปัญหา แล้วมันจบไม่สวย มันไม่ได้ลงเอยในแบบที่เราอยากให้เป็น… หากเราจะเศร้าก็เศร้าได้ครับ อยากร้องไห้ก็ร้องไปให้มันเต็มที่ แต่อย่าด่วนให้มันกลืนกินหรือทำลายตัวเราเร็วจนเกินไปนัก – ให้เวลาตัวเองอีกสักสิบหรือยี่สิบลมหายใจ ย้ายตัวเองไปอยู่ตรงอื่น ลองทำสิ่งอื่นดูก่อน หรือคุยกับคนอื่นดูก่อน… ท่านอาจรู้สึกกับมันเปลี่ยนไปจากเมื่อกี้ก็ได้…
สองดาวกว่าๆ ครับ
(6.5/10)
หมวดหมู่:Drama, Movie Reviews, Romance, Romance Romance, Romantic Comedy












