Action

ปฏิบัติการฝ่าสุริยะ (2019) The Wandering Earth

ดวงอาทิตย์เสื่อมสภาพอย่างรวดเร็วและขยายวงกว้าง ระบบสุริยจักรวาลที่เรารู้จักกำลังจะสูญสิ้น วันสิ้นโลกได้ใกล้เข้ามา ทั่วโลกจึงร่วมมือกันหาทางออกโดยการจะอพยพโลกทั้งใบ พาประชากรโลกกว่า 3,500 ล้านคนไปสู่บ้านใหม่ในระบบสุริยะอื่น – ใช่ครับ ย้ายโลกทั้งใบเลย โดยต้องเดินทางไปราวๆ 4.2 ปีแสง และใช้เวลากว่า 2,500 ปีกว่าจะถึงจุดหมาย

แต่ทีนี้ระหว่างการเคลื่อนย้ายโลก แรงดึงดูดจากดาวพฤหัสได้ส่งผลกระทบทำให้เครื่องยนต์ที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนโลกเกิดความเสียหายไปกว่าครึ่ง และหากไม่สามารถแก้ไขได้ทันเวลาก็จะเกิดหายนะครั้งใหญ่บนโลก

ได้ยินชื่อมานานแต่ก็ยังไม่ได้ดูสักทีครับ ครั้นพอได้ดูก็ตามคาด อย่างแรกเลยที่เตะตาคืองานเทคนิค CG ที่ถือว่าเนี๊ยบเอาเรื่อง เนื้อเรื่องมีความทะเยอะทะยานและมาในแนวไซไฟแบบเต็มสูบ งานสร้างดูยิ่งใหญ่ งานภาพดูตื่นตาพอตัว

ส่วนเนื้อเรื่องก็ถือว่าผูกไว้หลวมๆ หลักๆ ก็คือภารกิจกู้โลกหยุดหายนะโดยเหตุจะเกิดใน 2 สถานที่ ที่แรกคือบนสถานีอวกาศที่มีหน้าที่นำร่องไปโลกไปให้ถึงที่หมาย ที่นั่นมีคนประจำการอยู่จำนวนหนึ่งและหนึ่งในนั้นก็คือ หลิวเผยเฉียง (อู๋จิง, Wu Jing) ซึ่งดูก็รู้ว่าเดี๋ยวพี่แกต้องมาเป็นพระเอกแน่นอน

อีกสถานที่คือบนพื้นโลกที่กำลังเคลื่อนตัว ที่นั่นตัวเอกก็จะเป็น หลิวฉี (ชวีฉู่เชียว, Qu Chuxiao) ลูกของหลิวเผยเฉียง บวกด้วย หานเจียง (อู๋ม่งต๊ะ, Ng Man-Tat) คุณตาของหลิวฉี และหานตั๋วตั่ว (จ้าวจินม่าย, Zhao Jinmai) เด็กที่หานเจียงนำมาชุบเลี้ยง แล้วสักพักก็จะมีตัวละครอย่าง ผู้กองหวังเหลย (หลี่กวงเจี๋ย, Li Guangjie) มาแจมด้วย

ตอนดูนี่รู้สึกอารมณ์เดียวกับหนังพี่ Roland Emmerich ยุคหลังๆ น่ะครับ คืองานภาพน่ะได้ เทคนิคน่ะได้ ดูมีความยิ่งใหญ่อลังการ แต่ในแง่ความระทึกตื่นเต้นอาจยังไม่มากนัก การเดินเรื่องก็ออกแนวเรื่อยๆ บางช่วงก็พอจะดูแล้วลุ้น แต่บางฉากก็ดูเรื่อยๆ ไม่ได้ตื่นเต้นมาก ทั้งที่จริงๆ โดยสถานการณ์แล้วมันควรจะลุ้น หรือพวกอารมณ์สะเทือนใจต่างๆ ยามตัวละครต้องจากไป ก็อาจยังไม่ถึงขีดนัก หรือถ้าฉากไหนถึงขีดผมก็ยกความดีความชอบในดารามากกว่าน่ะครับ มันรู้สึกเลยว่าดาราน่ะเล่นดี แต่การนำเสนอมันยังไม่สุด

โดยรวมผมถือเป็นหนังที่ดูได้ครับ เพียงแต่ไม่ถึงชอบมากนัก ถ้าให้เปรียบเทียบแล้วผมยังชอบพวก The Day After Tomorrow หรือ 2012 มากกว่า แต่หนังก็ยังดูโอเคกว่า Moonfall อยู่หน่อย

ส่วนดาราจริงๆ ก็ถือว่าดี โดยเฉพาะอู๋ม่งต๊ะนี่ยังไงคุณภาพก็ยังเสมอต้นเสมอปลาย รายนี้จะเล่นเอาฮาก็ได้ หรือจะเอาดราม่าก็ไม่ขัด ถ้าถามว่าเรื่องนี้ชอบใครสุดก็ต้องอาอู๋น่ะแหละครับ ส่วนอู๋จิงก็ถือว่ากลางๆ คือจริงๆ แกเล่นดีนั่นแหละ แต่ความเด่นกลับไม่เยอะ คือเหมือนสปอตไลท์ฉายไปทางเขานั่นแหละครับ แต่มันเป็นสปอตไลท์ที่ไฟยังไม่แรงเท่าไร และไปๆ มาๆ คนที่ขโมยซีนในความคิดผมคือจ้าวจินม่ายครับ รายนี้น่ารัก และตอนหลังก็มีซีนของตัวเองด้วย

สรุปว่าใครชอบแนวไซไฟทลายโลกก็ลองลิ้มได้ครับ ผมมองว่าหนังไม่แย่นะ จริงๆ คืองานสร้างน่ะจัดว่าดีเลยล่ะ ตัวพล็อตจริงๆ ก็เข้าท่า เพียงแต่การนำเสนอมันยังไม่ตื่นเต้นเร้าใจจนถึงขนาด หลายช่วงดูเรียบเกินไป หรือไม่บางช่วงก็ปรุงเกินจนดูไม่เป็นธรรมชาติ พอหักกลบลบแล้วมันเลยออกมากลางๆ ครับ

สองดาวแบบเรื่อยๆ ครับ

(6/10)