นี่คือซีรี่ส์ที่ทำให้ผมร้องไห้หนักที่สุด เล่นเอาผมสะอึกสะอื้นแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อนจนต้องเอามือทั้งสองข้างมาปิดปากตัวเองไม่ให้ปล่อยโฮออกมา (ไม่งั้นทั้งบ้านคงตกใจแน่นอนล่ะครับ)
โคอิจิ มิยาซาวะ (Kôji Yakusho) คือประธานรุ่นที่ 4 ของบริษัทโคฮาเซยะที่ผลิตทาบิ (ถุงเท้าแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น) แต่เมื่อความต้องการทาบิลดลงจึงทำให้บริษัทเริ่มประสบปัญหาสภาพคล่องและมีแววจะต้องปิดตัวลง แต่เขาก็ไม่ยอมแพ้ครับ ยังพยายามหาทางจนได้คำแนะนำจากเจ้าหน้าที่สินเชื่อว่าทำไมไม่ลองทำธุรกิจใหม่ดูล่ะ แล้วท่านประธานก็ได้ไอเดียที่จะเอาภูมิปัญญาในการทำทาบิของบริษัทมาผลิตรองเท้าวิ่งที่ยามใส่จะให้ความรู้สึกเสมือนหนึ่งวิ่งด้วยเท้าเปล่าโดยผลิตภัณฑ์นี้จะใช้ชื่อว่า ริคุโอ
แต่ก็แน่นอนครับว่าหนทางย่อมต้องมีอุปสรรคให้ฟันฝ่าสารพัด ก็ต้องมาติดตามกันว่าในที่สุดแล้วท่านประธานโคอิจิจะสามารถผลิตริคุโอออกมาเพื่อพลิกพื้นบริษัทได้หรือไม่
ใครชอบซีรี่ส์แนว Feel Good สร้างแรงบันดาลใจ ดูแล้วพลังบวกมาเป็นกระบุงตามสไตล์ซีรี่ส์ญี่ปุ่นแล้วล่ะก็ ได้โปรดเลยครับ โปรดรับเรื่องนี้ไปพิจารณา ถ้าให้พูดตรงๆ คือผมโคตรจะเชียร์ครับ เพราะดูแล้วชอบมาก ติดมาก ดาราเล่นกันดีมาก (โดยเฉพาะท่านประธาน) และดนตรีของ Takayuki Hattori คอมโพเซอร์ระดับตำนานอีกคนของญี่ปุ่น นี่ก็กะเอาตายน่ะครับ ทั้งทรงพลังทั้งบิ้วอารมณ์ชวนให้ฮึกเหิมมาก คือถ้าใครจะเอาไปตั้งเป็นเพลงปลุกนี่ผมเห็นด้วยเลยนะ เพราะท่านจะต้องทนนอนต่อไม่ไหวยามได้ฟังอะไรที่มันฮึกเหิมแบบนี้
จังหวะจะโคนในการนำเสนอของเรื่องราวก็พอดี แต่ละตอนตัวเอกก็ต้องเจอปัญหา แล้วก็ต้องหาทางแก้ ครั้นพอแก้อันนี้ได้ก็เจอปัญหาใหม่ ก็แก้กันต่อ มันเลยน่าติดตามทุกตอน ซึ่งต้นฉบับของซีรี่ส์นี้คือนิยายที่เขียนโดย Ikeido Jun เจ้าเดียวกับที่เขียน Hanzawa Naoki, Shitamachi Rocket และ Roosevelt Game และที่สำคัญคือการนำเสนอของซีรี่ส์นี้มันโคตรจะให้พลังใจครับ ดังนั้นใครต้องการพลังบวกเข้ากระแสเลือดนี่ผมแนะนำซีรี่ส์จากใจเลย
แล้วที่ผมเกริ่นไว้ว่าผมร้องไห้หนักมากนี่ มันเป็นอย่างนี้ครับ…
(คงต้องสปอยล์หน่อยล่ะ หากไม่อยากทราบก็ข้ามไปได้นะครับ แต่หากท่านอยากทราบว่าฉากไหนที่มันทะลวงใจผมได้ขนาดนั้นก็อยากให้อ่านครับ เพราะผมว่ามันไม่ใช่การเปิดเผยจุดหักมุมอะไรหรอก หลายท่านคงเดาได้ด้วยซ้ำ)
เรื่องของเรื่องคือท่านประธานโคอิจิพยายามอย่างยิ่งที่จะนำเสนอรองเท้าริคุโอให้นักกีฬาสักคนได้ลองสวมใส่ทั้งเพื่อทดสอบคุณภาพของรองเท้าและเขาจะได้นำผลตอบรับไปพัฒนารองเท้าให้ดียิ่งขึ้น และแน่นอนว่าหากอยากจะให้ริคุโอเกิด ก็ต้องมีนักกีฬาสักคนยอมใส่มัน เป็นเหมือนการโปรโมตสินค้าไปในตัว – ซึ่งก็แน่นอนว่าไม่มีใครยอมใส่ง่ายๆ ท่านประธานก็ต้องเจอกับคำปฏิเสธหรือไม่ก็การบ่ายเบี่ยงครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่ว่าจะเพราะนักกีฬามีสปอนเซอร์อยู่แล้ว หรือเพราะความน่าเชื่อถือของบริษัทยังไม่มาก (ข้อเท็จจริงอย่างหนึ่งก็คือบริษัทโคฮาเซยะยังไม่เคยผลิตรองเท้าวิ่งมาก่อนครับ) โดยนักกีฬารายที่มีแววว่าจะยอมลองใช้ก็คือ ฮิโรโตะ โมงิ (Ryoma Takeuchi) แต่ก็แน่นอนว่าตอนแรกๆ เขาก็ยังไม่เปิดใจที่จะใส่รองเท้าคู่นี้ในทันทีหรอก
แล้วคนดูอย่างผมก็ได้เห็นความพยายามของท่านประธาน ดูไปๆๆ เห็นทั้งความเหน็ดเหนื่อย ความตรากตรำ ความเจ็บปวด ไม่รวมการโดนดูแคลนอีก จนสัมผัสได้ถึงความ “โคตร” ตั้งใจที่เขามี แล้วในที่สุดแม้ดูเหมือนจะไม่มีหวังแค่ไหน แต่ท่านประธานโคอิจิก็ยังหวังว่าจะได้รับโอกาสจากนักกีฬาสักคนที่เห็นในคุณค่าของผลงานชิ้นนี้
แล้วในที่สุด ฮิโรโตะ โมงิ ก็ยอมรับรองเท้านั้น และเอ่ยว่า “ไม่ทราบว่าคุณจะมาเป็นผู้สนับสนุนให้ผมได้ไหมครับ”
คือ… คุณเอ๊ย… นาทีนั้นมันไม่ใช่แค่น้ำตาที่ไหล แต่มันทะลักเหมือนเขื่อนแตก และผมกลั้นมันไม่อยู่จนต้องเอามือมาปิดปากตัวเอง เพราะรู้ว่างานนี้ปล่อยโฮแน่ๆ แล้วก็นั่งสะอื้นหนักมากไปพร้อมๆ กับท่านประธานในจอที่ยืนโค้งแล้วโค้งอีกทั้งน้ำตาด้วยความปลื้มใจที่มีใครสักคนให้โอกาสกับริคุโอแล้ว – มันคือความดีใจครับ มันทั้งลุ้นและปลื้มใจแบบสุดๆ แทนท่านประธานและทุกคนที่อุตส่าห์ฝ่าฟันเพื่อการทำริคุโอ
ดูหนังดูซี่รี่ส์มา 30 ปี ขอยืนยันว่านี่คือการร้องไห้ที่หนักที่สุด กลั้นไม่อยู่ที่สุด และสุดที่สุดระหว่างการดูหนังครับ – และที่บ้าหนักขึ้นไปอีกคือ ในจอท่านประธานโค้งขอบคุณใช่ไหมครับ ผมก็บ้านะ คือรู้ตัวเลยว่าโค้งตามเขาไปด้วย โค้งไปน้ำตาไหลไป – คือมันต้องอินเบอร์ไหนครับถึงจะเป็นไปได้ถึงขั้นนี้!
(หมดสปอยล์ครับ)
สรุปง่ายๆ เลยนะครับ ผมขอกราบงามๆ ให้ท่านดูเถอะครับ ใครชอบแนวนี้ขอให้ท่านดูเลย เผื่อว่าท่านจะมาร่วมร้องไห้ในฉากนั้นกับผมบ้าง แต่ที่แน่ๆ คือ หนังให้พลังบวก พลังใจ เสริมพลังความพยายามให้ท่านได้แน่ๆ ผมเชียร์ครับ เผื่อท่านไม่เห็นภาพ ณ นาทีที่ผมพิมพ์อยู่นี้ผมก็กำลังโค้งครับ โค้งขอให้ท่านลองให้โอกาสซีรี่ส์นี้สักครั้งเถิดครับ
สี่ดาวเต็มๆ ครับ
(9/10)












