Action

ควบสู้ฟัด (2023) Ride On

ปรมาจารย์หลัวจื้อหลง (เฉินหลง) คือสตันท์แมนเก่าแก่ของวงการ แต่ล่าสุดเขาก็กำลังประสบปัญหาเพราะเป็นหนี้เป็นสิน และไหนจะกำลังจะต้องเสียม้าคู่ใจนามว่ากระต่ายแดงไปอีก เขาเลยพยายามติดต่อลูกสาว หลัวเสียวเป่า (หลิวฮ่าวฉุน, Liu Haocun) แต่เนื่องจากเขาและลูกห่างเหินไปนาน ก็เลยต้องกลับมาเริ่มสานสัมพันธ์กันใหม่อีกหน

แม้นี่จะเป็นหนังเฉินหลง แต่บอกเลยครับว่าเน้นดราม่าเป็นหลัก ส่วนแอ็คชั่นนั้นถือเป็นส่วนเสริมซึ่งมาว่ากันตรงนี้ก่อน พวกฉากแอ็คชั่นนี่แม้จะมีไม่เยอะแต่ก็ออกมาดีครับ ออกมาเวิร์กและมันส์บวกฮาตามสไตล์เฉินหลง และหนังเรื่องนี้ยังตั้งใจทำออกมาเพื่อแสดงความเคารพเหล่าสตันท์ทั้งหลายที่สร้างตำนานให้กับวงการหนังมานับร้อยปี ดังนั้นฉากบู๊ทั้งหลายเลยเป็นฉากโชว์ของไปในตัว เราเลยจะได้เห็นฉากบู๊ดีๆ ฉากฟัดว่องๆ และฉากสตันท์เวิร์กๆ ซึ่งในจุดนี้ผมถือว่าโอเคอยู่ครับ

ในขณะที่เรื่องส่วนดราม่าก็ถือว่าน่าพอใจครับ ไม่ว่าจะเรื่องความผูกพันระหว่างหลัวจื้อหลงกับม้ากระต่ายแดง หรือเรื่องพ่อๆ ลูกๆ ที่เรียกอารมณ์ซึ้งจากคนดูได้พอสมควร และสำหรับผมมันอาจเพราะนี่เป็นเฮียเฉินน่ะครับ คือดารานักบู๊ที่เราคุ้นเคยมานาน ดังนั้นแค่เห็นเฮียเฉินทำหน้าเศร้าเราก็พร้อมจะเห็นใจแล้ว หรือฉากมาตรฐานของหนังสไตล์นี้อย่างตอนที่หลัวจื้อหลงพยายามเรียกให้คนที่ผ่านไปผ่านมา มาเป็นลูกค้าถ่ายรูปกับเขา เนี่ยครับ ฉากเพียงเท่านี้สำหรับผมมันถือว่าพอแล้ว แค่เห็นก็เห็นใจแล้ว

โดยรวมผมเลยค่อนข้างรู้สึกบวกกับหนังครับ สำหรับหลายๆ ท่านหนังอาจไม่ได้น่าสนใจอะไรมากหรืออาจบู๊ไม่เยอะ แต่สำหรับผม ผมโอเคครับ ก็ดูเฮียเฉินคนคุ้นเคยแสดงไป ดูเรื่องราวเชิงดราม่าไป แล้วก็แวะไปบู๊เป็นพักๆ แม้หนังจะไม่ถึงกับสุดยอดแต่ก็ถือว่าโอเค

แล้วเรายังจะได้เห็นดาราหน้าคุ้นอีกหลายรายมาร่วมจอครับ ไม่ว่าจะ ยวี๋หรงกวง (Yu Rongguang) มารับบทเป็น เหอซิน ประธานมังกรบินกรุ๊ป ที่สนใจอยากจะได้ม้ากระต่ายแดง, หลี่เหลียงเหว่ย (Ray Lui) มาเป็น หวังไห่เฉวียน ผู้ที่นำพากระต่ายแดงมาสู่ชีวิตของหลิวจื้อหลง, อู๋จิง (Wu Jing) เป็นลูกน้องที่ตอนนี้มีชื่อเสียงและอยากช่วยเหลือปรมาจารย์หลัว และ ถังจี่ลี่ หรือ Stanley Tong ผู้กำกับ วิ่งสู้ฟัด 3 ก็มาร่วมแสดงเป็นผู้กำกับที่มาร่วมงานกับปรมาจารย์หลัวในตอนท้าย

สรุปว่าหนังเหมาะสำหรับคนรักเฮียเฉินครับ มันอาจไม่ได้เจ๋งเป้ง อาจไม่ได้ซึ้งจัดๆ หรืออาจไม่ได้มันส์มากมาย แต่ก็ถือเป็นหนังดราม่าผสมเบาสมองแนวสู้ชีวิตที่ตอบโจทย์ความบันเทิงได้โอเคในระดับหนึ่ง

สองดาวกว่าๆ ครับ

(6.5/10)