Biography

American Underdog (2021) ทัชดาวน์ สู่ฝันอเมริกันฟุตบอล

หนังแนวสร้างจากชีวิตจริงของนักกีฬาที่ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตานี่เป็นอะไรที่ผมโปรดมากอีกแนวหนึ่งครับ เพราะดูแล้วมันเพิ่มพลังใจให้เราก้าวเดินต่อไปในโลกใบนี้ (ที่มีทั้งวันฟ้าใสและวันฟ่้ามืด) ได้เสมอ

เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องของ เคิร์ต วอร์เนอร์ ควอร์เตอร์แบ็กระดับตำนานที่ฝ่าฟันอะไรมากมายกว่าจะได้รับการยอมรับ เขาเคยผ่านจุดที่ไม่ได้รับการคัดเลือกเข้าทีมใดๆ แล้วก็ต้องหันมาประกอบอาชีพเป็นพนักงานในซูเปอร์มาร์เก็ตเพื่อหารายได้ประทังไปก่อน ครั้นมีโอกาสเขาก็มักจะเจอโจทย์ยากหรือไม่ก็ถูกมองข้ามอยู่เสมอ จนในที่สุดเขาก็สู้แล้วสู้อีก สู้จนสามารถเป็นผู้เล่นระดับ MVP และกลายเป็นอีกหนึ่งตำนานของ NFL

หนังถือว่าทำได้ดีเลยล่ะครับ ตอนต้นๆ มาก็อาจต้องรอสักหน่อยกับช่วงอุ่นเครื่อง ช่วงที่ความน่าติดตามของหนังยังไม่มาก ซึ่งก็เป็นช่วงหนังแนะนำปูพื้นให้เรารู้จักตัวละครหลักอย่างเคิร์ต (Zachary Levi) และเบรนด้า (Anna Paquin) สาวแกร่งคุณแม่ลูกสองที่ในเวลาต่อมาเธอจะกลายมาเป็นคู่ชีวิตของเขา หนังก็เล่าเรื่อง 2 ส่วนสลับกันไปครับ นั่นคือส่วนของชีวิตการเป็นนักเล่นอเมริกันฟุตบอลที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ กับอีกส่วนก็คือชีวิตรักของเขาและเบรนด้าที่ก็ต้องฟันฝ่าและพิสูจน์ใจกันในหลายวาระ กว่าจะได้ครองคู่อยู่เคียงในท้ายสุด

หนังไม่หวือหวาครับ เล่าเรื่องแบบไปเรื่อยๆ แต่ก็น่าติดตาม พลังของหนังส่วนแรกมาจากการแสดงของดาราที่ถือว่าเล่นกันได้ดีเลยล่ะ นอกจาก Levi และ Paquin แล้วก็ยังมี Dennis Quaid, Bruce McGill, Adam Baldwin, Ser’Darius Blain แต่ละคนมาช่วยเสริมความแน่นให้หนังได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะ Chance Kelly ในบทโค้ชไมค์ รายนี้ถือเป็นอาวุธลับสำคัญของเรื่องเลยครับ ช่วงฉากไคลแม็กซ์โค้ชโหดๆ คนนี้นี่แหละที่เพิ่มดีกรีพลังบวกให้กับหนังได้อย่างน่าปรบมือ

หนังกำกับโดย Andrew และ Jon Erwin ที่ดูเหมือนพวกเขาจะถนัดทำหนังแนวชีวิต ทำออกมาดีหลายเรื่องแล้ว ไม่ว่าจะ I Can Only Imagine หรือ I Still Believe กับเรื่องนี้ก็ถือว่าดีในระดับน่าพอใจมากเลยล่ะครับ แต่ก็ต้องบอกก่อนว่าหนังเรื่องนี้นำเสนอแบบเรียบง่าย ไม่เน้นปรุง ดังนั้นมันจึงอาจไม่ได้ตอบโจทย์ความบันเทิงแบบหวือหวา แต่กระนั้นช่วงท้ายตอนที่เคิร์ตต้องแข่งนัดสำคัญ ช่วงนั้นก็ทำออกมาได้มันส์และชวนลุ้นพอตัว แต่ก็อย่างที่บอกน่ะครับ ว่ามันจะมันส์แบบไม่ปรุง ไม่ได้มันส์แบบสวิงสวายอะไร

แนวคิดดีๆ ในหนังก็แล้วแต่จะตามไปเก็บกันมาเลยครับ ส่วนผมอย่างแรกเลยคือ ประเด็นการรู้จักปรับตัวยืดหยุ่นไปตามสถานการณ์ แน่นอนว่าเราควรเตรียมพร้อมตัวเองไว้เสมอเพื่อที่หากโอกาสผ่านมาตรงหน้าเราจะได้คว้าไว้ แต่ทีนี้ในช่วงที่โอกาสยังไม่มาล่ะ ว่าง่ายๆ คือเรามีงานในฝันที่อยากทำ แต่เรายังทำมันไม่ได้ในทันที แต่ระหว่างรอเราก็ต้องมีกินมีใช้ ต้องมีรายได้เลี้ยงชีพ ในวาระนั้นเราก็ต้องยืดหยุ่นปรับตัว หาอาชีพอื่นมาทำเพื่อยังชีพ เพื่อประคองให้เราอยู่ได้ต่อไป

แต่ขณะเดียวกันหากเรายังมีฝันและอยากไปให้ถึง เราก็ต้องหมั่นฝึกฝนตัวเองและหมั่้นหาโอกาสให้ตัวเองด้วย – เพราะบางครั้งโอกาสใช่จะพุ่งมาหาเราเสมอไปครับ บางทีเราก็ต้องเป็นฝ่ายพุ่งไปหามันบ้าง อย่างชีวิตเคิร์ตเองบางอย่างมันก็ไม่ได้เป็นไปอย่างที่เขาต้องการเสมอไป มันก็ต้องมีปรับตัวไปตามสถานการณ์บ้างในบางครั้งคราว

ใครชอบหนังแนวสร้างแรงบันดาลใจจากชีวิตจริงหรือชอบหนังแนวชีวิตนักกีฬาก็จัดได้เลยครับ ไม่น่าจะผิดหวัง

สองดาวครึ่งครับ

(7/10)