Action

Black Water (2018) คู่มหาวินาศ ดิ่งเด็ดขั้วนรก

สก็อตต์ วีลเลอร์ (Jean-Claude Van Damme) สายลับมือดีจู่ๆ ก็ตื่นขึ้นมากลางหัองขังแห่งหนึ่ง โดยห้องข้างๆ ก็มีชายชื่อ มาร์โก้ (Dolph Lundgren) ถูกขังไว้อยู่ ก่อนจะบอกว่าที่พวกเขาอยู่ตอนนี้คือในเรือดำน้ำ และที่นี่คือคุกมืดของซีไอเอ

สก็อตต์เลยต้องพยายามหาคำตอบครับว่าเขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง และที่สำคัญที่สุดก็คือ เขาจะหนีออกไปได้ยังไง

แม้หนังจะมีฉากหลังเป็นเรือดำน้ำ แต่หนังก็ไม่ได้มาแนวเดียวกับ Crimson Tide, U-571 หรือ The Hunt For Red October หรอกครับ จริงๆ คือเป็นหนังแอ็คชั่นทริลเลอร์แนวหนีการไล่ล่า พวกพระเอกก็ต้องหาทางหนีออกมา แต่เผอิญนี่เป็นเรือดำน้ำ การจะหนีเลยยากขึ้นมาหน่อย แต่ถ้าให้พูดตรงๆ เลยก็คือมันก็ไม่ได้ยากอะไรมากหรอกครับ จริงๆ คือจะเปลี่ยนฉากหลังเป็นคุกบนดินก็ได้ ไม่ต่างกัน เพราะหนังไม่ได้เอาความเป็นเรือดำน้ำมาเป็นเงื่อนไขอะไรมาก

และถ้าหากท่านใดคาดหวังว่าจะได้เห็น Van Damme กับ Lundgren มาประกบกันทั้งเรื่องก็ต้องเผื่อใจไว้ครับ เพราะส่วนใหญ่น่ะ Van Damme จะครองจอครับ ส่วน Lundgren จะมีบทไม่มากเท่า ส่วนฉากแอ็คชั่นก็เป็นแนวยิงกันล่ากันมากกว่า ไม่ค่อยได้พะบู๊สู้ด้วยหมัด

แต่ถ้าพูดกันแบบแฟร์ๆ ผมว่าหนังก็ยังเวิร์กกว่าหนังรุ่นหลังๆ ของพี่ Steven Seagal น่ะครับ ในแง่ความันส์ความลุ้นและความลื่นน่ะอาจไม่เยอะ แต่ก็ถือว่าพอได้สำหรับหนังเกรดรอง อย่างน้อยหนังก็ไม่ถึงขั้นน่าเบื่อ (คือมีส่วนที่อืดยืดบ้าง แต่ก็ยังพอไหวน่ะครับ)

เกร็ดที่อยากนำมาเล่าก็คือ แรกเริ่มเดิมทีบทหนังเรื่องนี้ถูกเขียนขึ้นโดยมี Nicolas Cage และ Mickey Rourke มารับบทนำครับ แต่ในที่สุดบทก็ตกเป็นของ 2 หนุ่มนี่แทน ซึ่งก็ไม่แย่น่ะครับ เพราะอย่างน้อยทั้ง Van Damme กับ Lundgren ก็เล่นหนังได้โอในระดับหนึ่ง ส่วนบทก็มาแนวง่ายๆ ตามสไตล์หนังบู๊เกรดรอง ทุนสร้างรู้สึกจะประมาณ $5 ล้านน่ะครับ แล้วหนังก็ได้ฉายโรงในบางประเทศ เก็บเงินกลับมาเบ็ดเสร็จที่ $7.8 ล้าน เชื่อว่าพอออกแผ่นและลงสตรีมหนังน่าจะได้ทุนคืนและดีไม่ดีจะได้กำไรด้วย

ก็ดูแบบไม่คาดหวังครับ ผลลัพธ์แม้จะไม่ได้สนุกอะไรมากมาย แต่ก็อย่างที่บอกน่ะครับว่าอย่างน้อยหนังก็เวิร์กกว่างานของ Seagal หรืองานของป๋า Bruce Willis ในระยะหลังๆ

ดาวครึ่งครับ

(5/10)