เรื่องนี้กะดูเอามันส์ แล้วก็ตามนั้นครับ ถือว่าพอได้อยู่
พล็อตเรื่องจัดว่าคุ้นมากครับ มีหนังเล่นกับประเด็นทำนองนี้หลายเรื่องแล้ว ตัวเอกคือ โจ ฟลัด (Dave Bautista) นักฆ่ามือพระกาฬที่มาพบว่าตัวเองกำลังจะตายด้วยโรคร้าย เลยตัดสินใจจะให้นักฆ่าคนอื่นๆ มาเก็บเขาซะ (มันมีเหตุผลครับ อันนี้ต้องไปดูเองในเรื่อง) แต่ไปๆ มาๆ เขาดันพบว่าผลตรวจน่ะผิด เขาไม่ได้จะตายสักหน่อย แต่เผอิญงานรันไปแล้วครับ งานนี้พี่แกเลยต้องรับมือกับนักฆ่าสารพัดที่ตรงดิ่งมาเก็บแกโดยเฉพาะ
ผมว่าหนังดูได้เรื่อยๆ ครับ เพลินๆ ดี และพลังสำคัญที่ทำให้ผมเพลินคือพี่ Dave นี่แหละ ผมว่าพี่เขาค้นพบทางของตัวเองแล้วนะ พี่เขาจะเหมาะมากกับบทแบบคนจิตใจดี มีความอ่อนโยน น่ารักๆ แบ๊วๆ ซึ่งมันจะดูขัดกับร่างกำยำล่ำถึกของพี่เขาแบบสุดๆ แต่มันใช่น่ะครับ คาแรคเตอร์แบบนี้แหละเหมาะกับพี่เขามากเลย และเพราะคาแรคเตอร์แบบนี้แหละที่ทำให้ผมโอเคที่จะดูหนังไปเรื่อยๆ จนจบ แม้พล็อตและอะไรต่อมิอะไรจะเดาทางได้หมดก็ตาม
แล้วดาราในเรื่องก็ถือว่าเลือกมาได้ดีด้วยล่ะครับ Sofia Boutella ก็ดูน่ารักเข้าคู่กับพี่ Dave ได้ คือดูแล้วผมเชื่อนะถ้าพวกเขาจะเป็นแฟนกันน่ะ แล้วก็ยังมี Ben Kingsley รายนี้เล่นได้ดีเสมอ จะให้เป็นคนดีแสนดีและจริงใจก็ได้ หรือจะให้เห็นแก่ตัวจนน่าเกลียดเลยก็ได้ ลุงเขาได้หมด และเรื่องนี้ผมดูแล้วก็เชื่อตามบทของเขาครับว่าเขาเป็นแบบนั้นจริงๆ
ส่วน Pom Klementieff ก็ลื่นไปกับบทร้ายๆ จัดจ้านๆ ทำนองนี้ได้ดี เช่นเดียวกับ Terry Crews ที่มาเป็นนักฆ่ากวนโอ๊ยแผนสูง บทนี้นี่ถ้าไม่ใช่ Crews ผมก็นึกไม่ออกเหมือนกันว่าใครจะเหมาะ แล้วเรายังจะได้เจอดาราขาบู๊ขาสตันท์มาสำแดงวิชากันหลายราย อย่างพี่ Scott Adkins นี่ไว้ใจได้เสมอ ไม่ว่าจะเล่นนำหรือเล่นรอง แต่ถ้าให้พี่แกปล่อยของล่ะก็ พี่เขาก็จะมีของมาปล่อยให้เราสะใจได้เสมอ
ว่าตามจริงหนังไม่ได้แปลกใหม่ครับ แต่มันเพลิน เพลินเพราะดารา ส่วนฉากบู๊นี่ก็นับว่าใช้ได้เลย โดยเฉพาะตอนกลางๆ ที่โจต้องพะบู๊ที่ปราสาทนี่ถือได้ว่ามันส์แบบต่อเนื่อง โอเคครับมันอาจไม่ได้มหามันส์อะไรมากมาย แต่ถือว่าใช้ได้สำหรับหนังบู๊ทำนองนี้ซึ่งผสมความมันส์ ความฮา และความกวนเข้าด้วยกันได้อย่างดีในระดับหนึ่ง
ส่วนช่วงต้นๆ ตอนที่หนังปูพื้นเรื่องของพี่โจ และเรื่องความรักที่เบ่งบานระหว่างพี่โจกับแฟน ช่วงนี้ผมก็ว่าใชได้นะครับ ไม่น่าเบื่อหรือดูยัดเยียด มันดูเพลินไปเรื่อยๆ ช่วงต้นก็ดูเบาๆ ช่วงกลางกันบู๊กันมากหน่อย แต่ยอมรับเลยว่าเสียดายตอนท้ายที่หนังจบง่ายไปหน่อย ตอนแรกนึกว่าจะมีด่านนรกให้โจไปฝ่าเพื่อปราบตัวบอสใหญ่ให้มันส์ๆ อีกสักชุด แต่นี่กลายเป็นว่าหนังจบแบบไม่ทันตั้งตัว และศัตรูตัวสุดท้ายที่โจเล่นก็ไม่ได้ลุ้นหรือมันส์อะไร กลายเป็นว่าไฮไลท์ใหญ่ๆ อยู่ที่ฉากบู๊ในปราสาทหมดแล้วครับ อันนี้บอกก่อนจะได้ไม่ต้องคาดหวังกัน
หนังกำกับโดย J.J. Perry อดีตสตันท์ที่ผันตัวมาทำหนัง ก่อนหน้านี้ก็เคยทำเรื่อง Day Shift ให้ Netflix โดยรวมแล้วผมว่าเรื่องนี้ก็พอๆ กับเรื่องนั้นครับ เพียงแต่ถ้าเทียบฉากตอนท้ายนี่ผมว่าเรื่องก่อนจะทำตอนท้ายได้มันส์กว่า
สรุปว่าดูเอามันส์ได้อีกเรื่องครับ
สองดาวครับ
(6/10)
หมวดหมู่:Action, Comedy, Martial Arts, Movie Reviews, Thriller











