พูดแบบตรงประเด็นเลยคือ ผมชอบช่วงต้นๆ ของหนังครับ ตอนที่หนังเล่าถึงภารกิจสมัยก่อนของแมตต์ (Jamie Foxx) และเอมิลี่ (Cameron Diaz) ช่วงที่ว่านี่ค่อนข้างลื่น ฉากบู๊ก็ใช้ได้ เพลงที่ใส่ลงมาก็เข้ากันดี (แม้การตัดต่อเรียบเรียงเพลงอาจโดดๆ บ้างก็ตาม) ช่วงแรกนี่จัดว่าสนุก มีลุ้น ดูเพลิน ตื่นเต้นใช้ได้ จนผมนี่แอบหวังในใจเลยว่าสงสัยจะเจอหนังบู๊โดนๆ เข้าแล้วล่ะเรา
ครั้นหนังเล่ามาถึงตอน 15 ปีต่อมาที่พวกเขามีลูกแล้ว หนังก็ยังโอเคครับ พวกมุกพ่อแม่ห่วงลูกมากมายจนทำอะไรเป๋อๆ หลุดๆ นี่ก็ถือว่าใช้ได้ ยังจัดว่าเพลินอยู่ แล้วก็ไล่มาถึงตอนที่พวกผู้ร้ายโผล่มาเพราะตามตัวพวกเขาเจอ ช่วงนี้ก็ยังโอเค ยังน่าติดตาม
แล้วหนังก็เริ่มมาดร็อปลงตรงตอนกลางๆ ครับ ช่วงที่ครอบครัวนี้ต้องเดินทางข้ามประเทศไปทำอะไรสักอย่างเพื่อแก้ไขสถานการณ์ จริงๆ ช่วงนี้ผมแอบคิดน่ะครับว่าหนังคงต่อเรื่องด้วยการให้เหล่าลูกๆ ของพวกเขามาเป็นตัวเสริมความฮาความเพลิน แต่กลายเป็นว่าช่วงนี้หนังดูช้าลง และพวกเด็กๆ ก็ไม่ได้เป็นตัวชูรสให้กับหนังอย่างที่คิด
ถัดจากนั้นหนังก็อยู่ในระดับเรื่อยๆ ครับ ส่วนตัวผมมองว่าที่หนังยังพอเพลินอยู่ก็เพราะการแสดงระดับอาชีพของ Foxx และ Diaz นั่นแหละ และตอนหลังก็ได้ Glenn Close มาแจมอีกคน ซึ่งผมว่ามันยังไปได้เพราะพลังดารา ในขณะที่ตัวเรื่องมันไม่ค่อยมีอะไรมาก ไม่ค่อยมีลูกเล่นเพิ่มรสชาติให้มันสนุก หรือกระทั่งแอ็คชันก็ถือว่ากลางๆ ครับ ไม่ได้มันส์หรือสาใจเท่าช่วงต้น
สรุปคือผมชอบช่วงต้นเรื่องครับ มันเพลิน มันมันส์ มันตื่นเต้น และมีอารมณ์ขัน จนมาถึงตอนกลางๆ หนังถึงเริ่มดร็อปลงหน่อย จริงๆ ถ้าหนังมาเรื่องหาราวมาให้เหล่าตัวเอกต้องรับมือแบบต่อเนื่อง แบบไม่ต้องพักเลย (หรือพักน้อยๆ หน่อย) มันคงจะโอเคขึ้นน่ะครับ
แต่ในแง่งานสร้างนี่ก็ถือว่าโอเคครับ ดูจากทุนระดับ %70 ล้านแล้วก็นับว่าได้อยู่ ส่วนคนกำกับเรื่องนี้ก็คือ Seth Gordon แห่ง Horrible Bosses ภาคแรก, Identity Thief และ Baywatch ฉบับปี 2017 ซึ่งถ้าเทียบกันแล้ว เรื่อง Back in Action นี่ยังไม่เพลินจัดๆ เท่าเรื่องแรก แต่ก็ถือว่าเวิร์กกว่า 2 เรื่องหลังครับ
เอาเป็นว่าดูได้ เอามันส์ เพลินๆ ขอเพียงไม่คาดหวังเยอะก็น่าจะโอเคอยู่ครับ
สองดาวครับ
(6/10)
หมวดหมู่:Action, Comedy, Movie Reviews











