ตามรอยความสำเร็จของ Searching ครับ เรื่องนั้นลูกหายพ่อเลยออกตามหา มาเรื่องนี้คนที่หายไปคือคุณแม่ (Nia Long) ที่บอกว่าจะไปเที่ยวพักผ่อนที่โคลอมเบียกับแฟนคนใหม่ (Ken Leung) ครั้นพอถึงกำหนดวันกลับลูกสาวที่ชื่อจูน (Storm Reid) ก็เดินทางไปรอรับแม่ที่สนามบิน แต่รอทั้งวันก็ไม่เจอ…

จูนเลยกลับบ้านพร้อมพยายามตามสืบจากร่องรอยต่างๆ เพื่อค้นหาว่าตอนนี้แม่เธออยู่ที่ไหน และมันเกิดอะไรขึ้นกับแม่กันแน่?

ใครที่ชอบภาคแรกก็น่าจะโอเคกับภาค 2 ครับ ตัวหนังก็จัดว่าระทึกไม่เลว เดินเรื่องฉับไวแบบไม่มีช่วงให้เบื่อเลย – ยกเว้นถ้าดูแล้วไม่แนวหรือไม่อินก็ว่ากันไปอีกกรณีน่ะนะครับ

แต่สิงหนึ่งที่รู้สึกเลยคือเรื่องนี้ดูจะเดินเรื่องสวิงสวายขึ้น และมีความซับซ้อน มีการหักมุมมากขึ้นกว่าเรื่องก่อน เดาว่าคงอยากทำให้หนังมันตื่นเต้นชวนลุ้นมากขึ้นน่ะครับ ซึ่งก็เป็นธรรมเนียมอย่างหนึ่งของหนังภาคต่ออยู่แล้วน่ะเน้อะ ประมาณว่าเรื่องแรกทำไว้แค่ไหน เรื่องต่อมาต้องดับเบิ้ลอะไรต่อมิอะไรเข้าไป ในแง่หนึ่งก็เพื่อเอาใจแฟนๆ น่ะครับ จะได้ดูกันสนุกๆ

ด้านความตื่นเต้นก็โอเคครับ แต่ก็ยอมรับเหมือนกันว่าพอภาคนี้มันมีหักมุมเยอะ มันเลยให้ความรู้สึกถึงความเป็นหนังมากกว่า ในขณะที่ Searching มันจะดูเป็นส่วนผสมที่กลมกล่อมกว่าระหว่างความเป็นหนังและความ Real ซึ่งอันนี้ก็คงต้องแล้วแต่ความชอบน่ะนะครับ แต่ถ้าถามผม ผมก็เพลิดเพลินสนุกสนานกับการดูทั้ง 2 เรื่องนั่นแหละ

ดาราแสดงกันได้ดีครับ ถ้าถามว่าชอบใครสุดก็ต้องยกให้ Joaquim de Almeida รายนี้แสดงได้หลายบทบาท เป็นคนดีก็ได้คนไม่ดีก็ได้ แต่สำหรับเรื่องนี้นี่ออร่ารัศมีดูเป็นคนน่ารักมาแต่ไกลเชียว

หนังกำกับโดย Nicholas D. Johnson และ Will Merrick ทั้งคู่เป็นมือตัดต่อที่เคยร่วมงานใน Searching และ Run มาก่อน ส่วนเรื่องนี้ก็ถือเป็นงานกำกับหนังเรื่องยาวชิ้นแรกของพวกเขาครับ ก็ถือว่าเล่าได้สนุกดี แต่ส่วนหนึ่งก็ต้องชมบทด้วยครับที่เขียนมาได้น่าติดตาม ซึ่งบทดั้งเดิมนั้นเขียนโดย Aneesh Chaganty และ Sev Ohanian ซึ่งรายแรกเป็นคนกำกับ Searching ครับ แล้วพวกเขาก็ร่วมกันเขียนบทให้ Searching ด้วย – เพราะถ้าบทไม่สนุก ไม่น่าเชื่อพอ ต่อให้ผู้กำกับเก่งแต่ก็คงส่งผลต่อตัวหนังไม่น้อยเหมือนกัน

แต่เรื่องหนึ่งที่อยากแนะนำก็คือ เวลาจะดูหนังเรื่องนี้นี่ควรมีสมาธิในการรับชมครับ ประเภทเปิดดูเป็นเพื่อนแล้วทำอย่างอื่นไปนี่มันจะไม่เวิร์ก เพราะท่านอาจตามเรื่องไม่ทันหรือพลาดรายละเอียดบางอย่างไป อันจะส่งผลต่อความสนุกของหนัง หรือไม่ก็งงว่าหนังมันมาถึงจุดนี้ได้ยังไง – อันนี้ประสบการณ์ตรงเลยครับ ผมนี่แหละ ตอนดูอยู่มีเหตุต้องหันหน้าไปทำธุระแป๊บนึง แค่ไม่กี่นาที พอหันกลับมาอีกทีหนังมันไปโน่นแล้วครับ จนต้องกรอย้อนมาดูใหม่ ดังนั้นถ้าทำได้ ควรตั้งสติก่อนสตาร์ทดูหนังครับ

ในแง่ความสำเร็จถือว่ายังไม่เท่า Searching ครับ เรื่องนั้นทำไปทั่วโลกราว $75 ล้าน ส่วนเรื่องนี้ทั่วโลกทำไปได้ $48 ล้าน และที่ต่างกันอีกอย่างคือต้นทุนครับ ในขณะที่เรื่องนี้ใช้ทุนราว $7 ล้าน แต่กับ Searching นี่ใช้ไปแค่ $880,000 เท่านั้น

แต่ก็ไม่ผิดหวังครับ ดูสนุก ดูลุ้นดี จังหวะการเผยปมก็ถือว่าพอเหมาะ บางช่วงนี่ยอมรับเลยว่าแอบอึ้งพร้อมตัวละครเหมือนกัน คือจริงๆ ถ้าจะเดาก็คงเดาได้น่ะครับ แต่หนังมันเดินเรื่องไวและใส่ข้อมูลเข้าหัวเราตลอดๆ จนไม่มีเวลาไปเดาเลย แต่ถ้าถามว่าชอบเรื่องไหนมากกว่า ก็คงต้องขอบอกว่าชอบ Searching มากกว่าหน่อยนึงครับ

สองดาวครึ่งครับ

(7/10)