Comedy

Bananas (1971) บานาน่าส์

Untitled07734

งานกำกับลำดับที่ 3 ของลุง Woody Allen ครับ ถือเป็นงานสมัยแรกๆ ที่อุดมการจิกกัดเสียดสีตามสไตล์ลุงเขา ซึ่งผมมองว่าเป็นหนังยุคซ้อมมือก่อนที่อะไรๆ มันจะลงตัวและเฉียบคมมากขึ้นในหนังยุคต่อมาอย่าง Annie Hall หรือ Manhattan

เรื่องนี้ลุง Woody รับบท ฟิลดิ้ง เมลลิช พนักงานทดสอบผลิตภัณฑ์สินค้าที่เกิดไปต้องตาต้องใจแนนซี่ (Louise Lasser) สาวน้อยนักกิจกรรม แล้วจับพลัดจับผลูฟิลดิ้งก็มีอันต้องไปยังซาน มาร์คอส แผ่นดินที่เพิ่งมีการปฏิวัติไปหมาดๆ และไปๆ มาๆฟิลดิ้งก็ได้ไปเข้าร่วมกับหน่วยต่อต้าน ก่อนชีวิตจะพลิกผันกลายเป็นประธานาธิบดีของซาน มาร์คอสในที่สุด

ถือเป็นหนังตลกที่ผสมเอาลีลาการล้อเลียนเข้ากับประเด็นการเสียดสีจิกกัด ซึ่งลุง Woody แกก็เอาหมดล่ะครับ จิกกัดได้ทั้งเรื่องธุรกิจ, ชีวิตประจำวัน, ความรัก, การเมือง, ปรัชญา ยาวไปจนถึงเรื่องบนเตียง ซึ่งก็อย่างที่บอกครับว่าเรื่องนี้ถือเป็นยุคแรกๆ ของเขา การจิกก็อาจยังไม่คมเข้มบาดลึก แต่จะออกแนวเสียดสีเอาฮาแบบโต้งๆ มากกว่า

ส่วนท่านจะชอบหนังเรื่องนี้หรือไม่ก็ตอบยากล่ะครับ เพราะมันเป็นลีลาเฉพาะทางของลุง Woody เขา ผสมกับลีลาล้อเลียนแบบพวก Scary Movie แล้วก็บวกด้วยมุกตลกท่าทางแบบ Mr. Bean แต่โดยแกนหลักแล้วจะเน้นมุกเสียดสีโน่นนี่ซะล่ะมากกว่า ว่าง่ายๆ คือต้องลองดูครับ ลองสัก 20 นาที ถ้ารู้สึกว่าไม่ทางก็ข้ามไปได้ แต่ถ้าเกิดถูกจริตขึ้นมานี่ผมว่าท่านอาจถึงขั้นหาอยากหนังของลุง Woody มาดูอีกก็เป็นได้

Untitled07735

สำหรับผมนั้นก็จัดว่าหนังดูสนุกน่ะครับ เอาขำเอาฮา บางมุกก็เหมาะแก่การเอามาคิดไตร่ตรอง บางคำถามที่ฟิลดิ้งเอ่ยขึ้นมาก็จัดว่าน่าคิดอยู่เหมือนกัน แต่ถ้าว่าถึงความชอบก็คงต้องบอกว่าผมโปรดปรานงานยุคต่อมาของลุงเขามากกว่า เพราะมันจะขำแบบบาดลึก ขำแบบตกผลึก – แบบที่ผมนิยามว่า “ขำคิด” คือดูแล้วมีอะไรให้คิดตาม และมันมักจะเป็นประเด็นที่ลึกซึ้งซะด้วย – แต่กับเรื่องนี้ยังไม่ถึงขั้นนั้นครับ

แต่มีอยู่มุกหนึ่งที่เชื่อว่าท่านสุภาพบุรุษหลายท่านน่าจะฮากัน คือตอนที่ฟิลดิ้งจะซื้อหนังสือภาพวาบหวิวที่วางอยู่ตามแผงหนังสือ แต่ตามประสาผู้ชายน่ะครับ มันไม่กล้าซื้อเล่มเดียวๆ หรอก มันต้องซื้อหนังสือเล่มโน้นเล่มนี้ (ที่จริงๆ ไม่ได้อยากได้เลย) ซื้อเพิ่มมาสัก 2 – 3 เล่ม แล้วก็เอาหนังสือวาบหวิวสอดไว้เป็นเล่มกลาง ปิดหน้าปิดหลังให้ดี แล้วก็เดินไปยื่นที่เคาท์เตอร์ให้คิดเงินพลางทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ โดยที่ใจก็เร่งให้พนักงานรีบคิดเงิน จะได้รีบออกไป

แต่มันมักเกิดกรณีประเภทว่ามันจะมีหนังสือเล่มหนึ่งในกองที่ยิงบาร์โค้ดไม่ติด หรือไม่พนักงานหาราคาไม่เจอ – ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นเล่มวาบหวิวที่เราอยากซ่อนนั่นแหละ – เลยต้องตะโกนถามพนักงานคนอื่นว่าเล่มนี้ราคาเท่าไร พลางชูเล่มให้ดู ทีนี้ล่ะครับที่ปิดมาแทบตายก็จบกันตรงนั้นแหละ – พอถึงจุดนี้ถ้าไม่ถอดใจบอกว่าไม่ซื้อแล้ว ก็ต้องกดฟันทนให้ช่วงเวลา (ที่ดูเหมือนจะยาวนานเป็นชาติ) ผ่านไปให้ได้ 5555

สรุปว่าอยากให้ลองครับ เพราะบางทีไม่ลองมันก็ไม่รู้ ส่วนถ้าใครคุ้นเคยกับงานของลุง Woody มาก่อนแล้ว ก็จัดไปครับ งานยุคแรกๆ ของลุงเขามันก็จัดว่ามีความดิบอยู่ประมาณหนึ่งเหมือนกัน ประมาณว่าคิดแบบไหนก็พูดแบบนั้น ไม่ได้เกลาไม่ได้กรอง บางอย่างเลยอาจดูห่ามอยู่บ้างครับ

อ้อ และอีกอย่างที่ลืมไม่ได้เลยก็คือ หนังมี Sylvester Stallone สมัยยังไม่ดังโผล่ไปร่วมจอด้วยครับ รับบทเป็นกุ๊ยในรถไฟใต้ดินที่ก่อกวนชาวบ้าน เห็นหน้าแว่บแรกที่ผมฮาเลยครับ มาแบบไม่ทันตั้งตัว

สองดาวกว่าๆ ครับ

Star21

(6.5/10)