นายตำรวจนิวยอร์คนายหนึ่ง (Fred Ward) ถูกองค์กรลับจัดฉากให้ใครๆ นึกว่าเขาตายไปแล้ว จากนั้นองค์กรที่ว่าก็พาตัวเขาไปแปลงโฉมพร้อมให้ชื่อใหม่ว่า รีโม วิลเลี่ยมส์ ก่อนจะให้ปรมาจารย์ชาวเกาหลีนามว่าชุน (Joel Grey) มาฝึกวิชาป้องกันตัวให้ จุดประสงค์ก็เพื่อให้รีโมกลายมาเป็นนักปราบอาชญากรรมคนใหม่ คอยทลายแผนของเหล่าวายร้ายที่หมายจะทำลายอเมริกา

หนังดัดแปลงจากนิยายชุด The Destroyer ของ Warren Murphy และ Richard Sapir ที่ฮิตติดลมบนมาตั้งแต่ยุค 70 ออกมาเป็นร้อยตอนครับ ไหนจะมีภาคแยกและฉบับคอมมิคอีก ซึ่งทางผู้สร้างก็เล็งเห็นล่ะครับว่าเรื่องชุดนี้สามารถเอามาสร้างเป็น เจมส์ บอนด์ ของอเมริกาได้เลย และยังมีการไปตาม Christopher Wood ที่เคยร่วมเขียนบทบอนด์ตอน The Spy Who Loved Me และ Moonraker ให้มาช่วยเกลาบทให้ และยังมอบเก้าอี้กำกับให้กับ Guy Hamilton ที่เคยทำหนังบอนด์มาถึง 4 ตอน อันได้แก่ Goldfinger, Diamonds Are Forever, Live and Let Die และ The Man with the Golden Gun เรียกว่าผู้สร้างหมายมั่นปั้นมือแบบสุดๆ ครับ

ส่วนตัวหนังก็ถือว่ากลางๆ ครับ ยังไม่ถึงขั้นสนุกอะไรมากมาย คือดูได้เรื่อยๆ แต่ยังไม่เพลินแบบเต็มร้อย ครึ่งแรกของหนังจะชวนให้คิดถึง The Karate Kid เพราะหนังจะเล่าถึงการที่พระเอกมาฝึกวิชากับอาจารย์ชาวเอเชีย แต่เพื่อความเป็นธรรมก็ต้องบอกก่อนว่า แม้หนังจะมาหลังจากความดังของ The Karate Kid แต่ตัวนิยายต้นฉบับนั้นเริ่มเขียนมาตั้งแต่ยุค 60 แล้วครับ ดังนั้นเนื้อเรื่องในส่วนนี้จึงไม่ได้ไปเอามาจาก The Karate Kid แค่บังเอิญเหมือนกันเท่านั้น

และก็ต้องว่ากันตรงๆ ว่าครึ่งแรกของหนังก็ยังไม่ค่อยน่าติดตามนัก มันออกจะเรื่อยๆ เฉื่อยๆ แม้ Grey ที่มาแสดงเป็นชุนจะตั้งใจแสดงก็ตาม แต่การเล่าเรื่องมันเรื่อยไปหน่อยน่ะครับ ไม่ได้มีจุดน่าสนใจ แล้วก็ไม่ได้สร้างภาพความสัมพันธ์ระหว่างรีโมกับชุนเท่าที่ควร เลยทำให้ครึ่งแรกของหนังค่อนข้างธรรมดา และอาจจะน่าเบื่อสำหรับหลายคน – ยิ่งมีหนัง The Karate Kid มาเป็นตัวเปรียบก็คงต้องบอกว่าเรื่องนั้นทำจุดนี้ได้ถึงกว่าครับ

ส่วนครึ่งหลังก็ออกแนวเจมส์ บอนด์ มีตัวร้ายให้ปราบ มีฐานทัพให้ถล่ม แม้จะมีฉากแอ็คชั่นเข้าท่าๆ อย่างตอนที่รีโมต้องไปรับมือกับคนร้ายบนเทพีเสรีภาพ ช่วงที่ว่านี่ก็โชว์สตันท์และมีฉากหวาดเสียวให้ดูพอสมควร กับอีกช่วงก็ตอนที่รีโมบุกรังผู้ร้าย แล้วต้องวิ่งหนีระเบิดที่ตูมตามรอบตัวเขา 2 ฉากที่ว่านี่ถือว่าเวิร์กครับ แต่ที่เวิร์กก็มีแค่นี้แหละ นอกนั้นออกแนวเรื่อยๆ ไม่ได้มันส์หรือน่าติดตามแต่้อย่างใด

สรุปก็คือนี่เป็นหนังแอ็คชั่นสไตล์เจมส์ บอนด์ที่จัดว่าธรรมดาครับ การเล่าเรื่องยังไม่สามารถจับความสนใจคนดูได้สักเท่าไร ฉากแอ็คชั่นก็ยังไม่ถึงใจ ตัวเนื้อเรื่องก็เหมือนจะเรื่อยๆ จนเกินไป แม้ดาราในเรื่องจะค่อนข้างโอเค ไม่ว่าจะ Ward, Grey, Wilford Brimley ในบทสมิธ ผู้นำองค์กรลับจับรีโมมาเทรน และ J.A. Preston มาเป็น คอน แมคเคลียรี่ พี่เลี้ยงที่คอยประกบรีโมอยู่ห่างๆ แต่พอดีว่าตัวหนังมันจืดน่ะครับ ฝีมือดาราดีๆ เลยทำได้แค่พยุงหนังเท่านั้น

เกร็ดที่น่าสนใจของหนังก็คือ Bruce Willis ที่ตอนนั้นยังหนุ่มฟ้อเคยได้รับการทาบทามให้มาเป็นรีโมด้วยนะครับ แต่สุดท้าย Ward ก็ได้บทไปครองแทน

หนังทำเงินไปราว $14 ล้านซึ่งก็ถือว่าไม่ประสบความสำเร็จครับ และ Wood ยังออกมาให้สัมภาษณ์ภายหลังว่า บทที่เขาเขียนน่ะ มีฉากแอ็คชั่นตอนท้ายที่ทั้งมันส์ ทั้งใหญ่ และระเบิดระเบ้อไม่แพ้หนังเจมส์ บอนด์ แต่กลับถูกตัดออกหมดเพื่อประหยัดงบ ซึ่ง Wood เองก็เสียดายเหมือนกัน เพราะเขามองว่าฉากไคลแม็กซ์นั้นมันคือจุดเรียกลูกค้าเลยแท้ๆ และเขายังมองว่า Ward แม้จะเป็นนักแสดงที่เก่ง แต่ก็ยังไม่มีบารมีมากพอที่จะแสดงนำ ซึ่งผมก็เห็นด้วยในจุดนี้เหมือนกัน

ถัดจากนั้นก็มีความตั้งใจจะเข็นเป็นฉบับซีรี่ส์ออกมาครับ แต่ในที่สุดก็ทำได้แค่ตอน Pilot ตอนเดียว แล้วโปรเจคท์ก็ล่มไป

สองดาวเรียบๆ ครับ

(6/10)