
ในบรรดาหนังที่ Chuck Norris เล่นนำเดี่ยว ผมว่าเรื่องนี้สนุกสุดครับ
เจ.เจ แม็คเควด (Norris) อดีตนาวิกโยธินมือพระกาฬที่ตอนนี้ผันตัวมาเป็นเท็กซัสเรนเจอร์ และเขาก็ต้องมาปะทะกับรอว์ลี่ย์ วิลค์ส (David Carradine) นักค้าอาวุธที่เก่งในเรื่องศิลปะป้องกันตัว
หนังนั้นจะว่าไปก็ลงสูตรสำเร็จอยู่ครับ นั่นคือแม็คเควดเป็นมือปราบคนเก่ง ฝีมือแพรวพราว และฉลาดเป็นกรด เขามีสหายอย่างดาโกต้า (L.Q. Jones) สิงห์เฒ่าที่ปลดเกษียณไปแล้วกับคาโย รามอส (Robert Beltran) ตำรวจที่โดนเบื้องบนจับมาเป็นคู่หูคนใหม่ของเขา ความสัมพันธ์ระหว่างแม็คเควดและ 2 คนนี้ถือเป็นสีสันที่ทำให้หนังดูเพลินได้ไม่น้อย โดยเฉพาะรามอสที่โดนแม็คเควดข่มอยู่บ่อยๆ ซึ่งก็ชวนให้ฮาดีเหมือนกัน
แล้วก็ตามสูตรอีกเช่นเคยที่แม็คเควดจะต้องเคยมีภรรยาครับ ซึ่งก็คือมอลลี่ (Sharon Farrell) ที่ตอนนี้แยกกันอยู่ และเขายังมีลูกสาวนามว่า แซลลี่ (Dana Kimmell) ที่แม็คเควดรักมาก แล้วแซลลี่นี่แหละครับที่เป็นอีกหนึ่งเงื่อนไขเพิ่มความเดือดระห่ำให้กับหนัง
และที่ขาดไม่ได้คือนางเอกครับ เธอคือ Barbara Carrera รับบท โลล่า ริชาร์ดสัน พาร์ทเนอร์ของรอว์ลี่ย์ที่แอบถูกใจในความแมนและเก่งกล้าของแม็คเควดไม่น้อยเหมือนกัน – รายนี้เล่นไหนเรื่องไหนมักมาพร้อมเสน่ห์และควาทเซ็กซี่เสมอ แต่ขณะเดียวกันในแง่การแสดงของเธอก็ถือว่าดีครับ ผมชอบที่เธอสื่อคาแรคเตอร์ได้ดี ตอนเล่นเป็นคนร้ายก็แบบหนึ่ง ตอนเล่นเป็นคนดีคาแรคเตอร์และแววตาท่าทางก็จะออกมาอีกแบบ
ตัวหนังจัดว่าลื่นอยู่ครับ ดูได้เรื่อยๆ ฉากต่อสู้ก็มันส์ทั้งตอนออกหมัดและตอนรัวกระสุน แล้วก็มีการเกลี่ยบทค่อนข้างดี แต่ละตัวละครที่ผมเอ่ยไปนั้นต่างก็มีซีนของตัวเอง และมีผลต่อเนื้อเรื่อง จะมากจะน้อยก็ว่ากันไป แต่ไม่มีใครเป็นส่วนเกินครับ อ้อ นอกจากที่เอ่ยไปแล้วก็ยังมี Leon Isaac Kennedy มาเป็นมาร์คัส แจ็คสัน เจ้าหน้าที่ FBI ที่กลายมาเป็นอีกหนึ่งพันธมิตรของแม็คเควด และ Daniel Frishman ในบท ฟอลคอน มาเฟียร่างเล็กที่จะว่าไปก็แสบใช่ย่อย
อีกหนึ่งของดีผมยกให้ดนตรีของ Francesco De Masi ที่ท่วงทำนองให้อารมณ์หมาป่าเดียวดายจริงๆ เรียกว่าเท่ห์ติดดึงความสนใจให้ผมโฟกัสกับหนังได้ตั้งแต่ฉากไตเติ้ล ซึ่ง De Masi เคยบอกไว้ครับว่าเขาได้แรงบันดาลใจในการบรรเลงดนตรีมาจาก Ennio Morricone ซึ่งใครฟังแล้วก็คงเชื่อได้ไม่ยากครับ เพราะโทนมันใช่เลย

และว่าตามจริงแล้วทั้งผู้กำกับ Steve Carver และคนเขียนบท B.J. Nelson ต่างก็เป็นแฟนผู้กำกับ Sergio Leone ครับ หนังเรื่องนี้เลยตั้งใจถูกสร้างออกมาในสไตล์ Leone นั่นเอง – แม้ความดีความเด็ดจะไม่เทียมเท่าก็ตาม แต่อาจเพราะทีมงานทั้งเซ็ตมีคนทำหนังระดับตำนานเป็นไอดอล งานที่ออกมาเลยอยู่ในระดับที่น่าพอใจ
แรกเริ่มเดิมทีบทหนังเรื่องนี้เขียนให้ Kris Kristofferson มาแสดงนำครับ แต่เขาก็บอกปัด ถัดมาก็เป็น Clint Eastwood แต่เขาก็บอกปัดอีก จนผู้กำกับ Carver ที่เพิ่งร่วมงานกับ Norris มาก่อนใน An Eye for an Eye มองว่า Norris นี่แหละที่เหมาะสุดเขาก็เลยทาบทามไปครับ และในที่สุด Norris ก็รับบทไป
และมีข่าวด้วยว่าผู้อำนวยการสร้างเคยบอกไว้ว่าถ้าตอนนั้น Bruce Lee ยังมีชีวิตอยู่ล่ะก็ คงมีการทาบทามให้ Lee มาแสดงเป็นคู่ปรับกับ Norris ครับ และกะจะโปรโมตเลยว่าหนังเรื่องนี้เป็น “The Rematch of the Century” เพราะ Lee เคยปะทะกับ Norris มาก่อนใน The Way of the Dragon (แต่ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันนะว่า Lee จะยอมมาเล่นหรือเปล่า)
นอกจากนี้ยังมีข่าวลือครับว่าระหว่างการถ่ายทำฉากต่อสู้ตอนไคลแม็กซ์ระหว่าง Norris กับ Carradine นั้น มีการเลยเถิดจนกลายเป็นว่าทั้งคู่ตีกันจริงๆ ประมาณว่า Norris เตะ Carradine แรงไปจนอีกฝ่ายโกรธแล้วก็เลยตะลุมบอนกันจริงๆ ไปเลย แต่ภายหลัง Carradine ได้ออกมาสยบข่าวลือโดยเขียนเล่าเรื่องนี้ลงในหนังสืออัตชีวประวัติว่าในฉากต่อสู้นั้น เขาและ Norris ไม่ได้มีการปะทะกันจริงๆ ตลอดการถ่ายทำฉากที่ว่า
และถ้าใครจำกันได้ ตอน Norris มาแสดงใน The Expendables 2 เขามาพร้อมฉายาหมาป่าเดียวดาย (The Lone Wolf) ซึ่งฉายาที่ว่าก็มีที่มามาจากหนังเรื่องนี้นี่แหละครับ
ตัวหนังก็ประสบความสำเร็จใช้ได้ครับ ทำเงินไป $12 ล้าน จากทุนสร้างราว $5 ล้าน
สรุปว่าแฟนป๋า Chuck จัดเรื่องนี้ได้เลยครับ
สองดาวใกล้ครึ่งครับ

(6.5/10)
หมวดหมู่:Action, Crime, Drama, Martial Arts, Movie Reviews, Romance, Thriller, Western










