
เห็นเรื่องนี้อยู่ใน HBO มานานพอสมควรครับ แล้วก็เล็งไว้ว่าจะดูๆ แต่ไมได้ดูซะที จนพอเขาขึ้นว่า “ใกล้เลิกฉาย” ก็เลยรีบจัดซะ ครั้นพอดูจบก็รู้สึกว่าโชคดีครับที่มีโอกาสได้ดูหนังเรื่องนี้สักครั้งครา
เป็นหนังแนวดราม่าระทึกขวัญว่าด้วยการสืบหาฆาตกรต่อเนื่องครับ โดยเจ้าหน้าที่เอฟบีไอนามว่า แฟรงค์ ลาครอส (Dennis Quaid) พยายามตามร่องรอยทุกชิ้นที่ฆาตกรทิ้งไว้ ด้วยความหวังว่าเขาจะสามารถหยุดยั้งการฆ่าได้ทันก่อนที่ฆษตกรมันจะลงมืออีก และจริงๆ หนังยังมีปมมากกว่านี้ครับ แต่ขอเล่าแค่นี้แล้วกัน ที่เหลือไปติดตามดูต่อเองน่าจะดีกว่า
หนังไม่ได้สุดยอดครับ บอกไว้ก่อนเลย หนังไม่ถึงขั้นห้ามพลาดหรือต้องดู แต่สำหรับผมถือว่าหนังทำได้ดีในระดับหนึ่ง และอาจจะเพราะผมโตมากับหนังยุค 90 น่ะครับ การดูหนังเรื่องนี้มันเลยเหมือนได้แวะไปเยี่ยมเยียนช่วงเวลานั้น ทั้งโทนหนัง จังหวะจะโคนในการเล่า และบรรยากาศต่างๆ มันครบสูตรหนังยุค 90 จริงๆ เริ่มจากเหล่าดาราที่จัดว่าคุ้นหน้าทั้งสิ้น ไม่ว่าจะ Quaid, Danny Glover, R. Lee Ermey, Ted Levine, William Fichtner และเรายังจะได้เจอกับ Jared Leto และ Walton Goggins สมัยยังละอ่อนอีกด้วย ซึ่งแต่ละคนก็ทำหน้าที่ได้ดีครับ เล่นได้สมบทบาท และมีส่วนช่วยให้หนังน่าติดตามไม่น้อย
ส่วนการเล่าเรื่องนั้นผมถือว่าอยู่ในระดับโอเคครับ ช่วงต้นเรื่องอาจยังไม่น่าติดตามนัก ต้องรอจนถึงครึ่งหลังพอเรารู้อะไรๆ มากพอแล้ว ความน่าติดตามก็เริ่มมา ซึ่งหนังกำกับและเขียนบทโดย Jeb Stuart ซึ่งนี่เป็นงานกำกับชิ้นแรกของเขาด้วยครับ ส่วนงานก่อนหน้านี้เขาก็เคยเขียนบท/เกลาบท/ดัดแปลงบทให้กับหนังอย่าง Die Hard, Lock Up, Another 48 Hrs., The Fugitive แล้วก็ Just Cause ซึ่งสำหรับงานกำกับครั้งแรกก็ต้องถือว่าใช้ได้ล่ะครับ แม้อะไรๆ อาจไม่ลงตัวกลมกล่อมไปเสียทั้งหมด แต่ก็ถือว่าผ่านเกณฑ์
และระหว่างดูก็จะตระหนักครับว่าหนังกำกับโดยคนสายเขียนบทแน่นอน เพราะเขาจะใส่ใจกับรายละเอียด ใส่ใจมิติตัวละคร ใส่ใจการเล่าเรื่อง เพียงแต่พอใส่ใจมากๆ หรือให้เวลากับฉากไหนช่วงไหนมากๆ มันก็เลยอาจจะส่งผลให้จังหวะหนังดูเชื่องช้าไปบ้าง ก็ถือว่าได้อย่างเสียอย่างน่ะนะครับ

โดยรวมผมถือว่าหนังโอเคครับ การเล่าเรื่องอาจยังไม่ลื่น แต่ก็ได้พลังดารามาเสริมแรงให้น่าติดตาม แล้วก็ได้ดนตรีดีๆ ของ Basil Poledouris มาสร้างบรรยากาศโดยเฉพาะยามเรื่องราวเกิดความระทึก ส่วนตัวเนื้อเรื่องก็ถือว่าไม่เลวครับ มีปมให้ตาม มีจุดหักเห มีสับขาหลอกบ้าง ซึ่งด้านบทก็ถือว่าเข้าท่านั้นแหละ เพียงแต่ด้วยความที่ Stuart เพิ่งกำกับครั้งแรก อะไรๆ เลยอาจยังไม่แม่นนัก
แล้วก็มีเกร็ดจากหนังมาเล่าตามเคยครับ อย่างแรกเลยคือไอเดียหนังเรื่องนี้เข้ามาในหัวของ Stuart ตั้งแต่ช่วงยุค 80 แล้ว ก่อนเขาจะเขียนบท Die Hard ซะอีก โดยไอเดียแรกเริ่มนั้นเขากะจะให้หนังมีฉากหลังอยู่ในยุค 80 ครับ ตั้งใจจะให้หนังชื่อว่า Going West in America แล้วก็นำแสดงโดยดาราอย่าง Sidney Poitier, Robert Duvall และ Kevin Bacon
แต่กว่าที่เขาจะมีโอกาสมากำกับหนัง เวลาก็ปาไปยุค 90 แล้วครับ และจริงๆ ตอนแรกผู้สร้างอยากได้ Steven Seagal มารับบทพระเอกด้วย แต่สุดท้ายพี่ Seagal ก็ไปเล่น Fire Down Below แทน (ซึ่งเรื่องนั้น Stuart ก็เป็นคนเขียนบทให้เหมือนกัน)
และพอหนังออกฉาย หนังก็ไม่ทำเงินครับ ทำไปเพียง $6 ล้านเท่านั้น แต่ทุนสร้างน่ะปาเข้าไป $38 ล้าน เลยทำให้เรื่องนี้กลายเป็นอีกหนึ่งหนังล่มของค่าย Rysher Entertainment ที่ตัดสินใจยุติบทบาทในการทำหนังฉายโรงในเวลาหลังจากนั้นไม่นาน
ถ้าถามว่าผมชอบอะไรที่สุดในหนังเรื่องนี้ ผมยกให้การแสดงดีๆ ของเหล่าดาราทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง R. Lee Ermey ที่ปกติเราจะเห็นลุงเขาในบทร้ายหรือไม่ก็เป็นพวกโวยวายเสียงดัง แต่เรื่องนี้นี่เขาเป็นนายอำเภอตงฉินที่ทำทุกอย่างเพื่อความถูกต้อง แม้ว่าการตัดสินใจนั้นอาจทำให้เขาต้องหลุดจากตำแหน่งก็ตาม ซึ่ง Ermey เล่นได้ถึงครับ ดูแล้วเชื่อจริงๆ ว่าเขาซื่อสัตย์และจริงใจเบอร์นั้น
เอาเป็นว่าหากคุณเป็นคอหนังสืบสวนผสมดราม่า หรือคอหนังยุค 90 ล่ะก็ อยากให้ลองลิ้มครับ หนังอาจจะไม่ได้ถึงขั้นเยี่ยม แต่ถือว่ามีกลิ่นอายความเป็นหนังยุค 90 ในระดับที่น่าพอใจ
สองดาวใกล้ครึ่งครับ

(6.5/10)
หมวดหมู่:Crime, Drama, Movie Reviews, Mystery, Thriller










