
อาจมีบางท่านนิยามหนังเรื่องนี้ว่าออกแนวมองโลกแง่ร้าย ส่วนผมมองว่ามันก็คืออีกด้านหนึ่งของโลกที่ไม่สวย และที่ซวยคือเรื่องเลวร้ายอะไรทำนองนี้มันก็มีอยู่จริงซะด้วย (เป็นไปได้ว่าสิ่งที่ผมกำลังจะเขียนอาจมีสปอยล์นะครับ ดังนั้นขอสรุปสั้นๆ ตรงนี้ว่าใครอยากดูหนังระทึกแบบกินบรรยากาศ ดูแล้วชวนให้จิตตกก็จัดเรื่องนี้ได้เลยครับ แต่หากใครไม่อยากจิตตกก็อย่าเพิ่งดูครับ)
หนังเล่าถึงครอบครัวหนึ่งที่ไปเที่ยวพักผ่อนที่ทัสคานี่ ประกอบด้วย บียอร์น (Morten Burian), ลูอิส (Sidsel Siem Koch) และลูกสาวที่ชื่อ แอ็คเนส (Liva Forsberg) แล้วทีนี้พวกเขาก็ได้พบกับครอบครัวชาวฮอลแลนด์ที่มาเที่ยวเหมือนกัน ซึ่งก็มี แพทริค (Fedja van Huêt), คาริน (Karina Smulders) และลูกชายชื่อเอเบล (Marius Damslev) ซึ่งพวกเขาก็ทำความรู้จักกันก่อนจะแยกย้าย แล้วสักระยะหนึ่งแพทริคก็เขียนจดหมายมาชวนพวกเขาให้ไปเที่ยวบ้าน… และนั่นแหละครับคือจุดเริ่มของความสะพรึง
หนังเรื่องนี้ดูแล้วทำให้จิตตกไม่มากก็น้อยครับ สิ่งแรกเลยที่ขอเอ่ยถึงคือดนตรีประกอบที่แสนจะเร้าจิตให้ขวัญแขวน ตอนต้นๆ ก่อนที่ครอบครัวของบียอร์นจะตัดสินใจไปยังบ้านของแพทริคนั้น หนังจะขยันใส่ฉากที่จริงๆ แล้วถือว่าธรรมดา เป็นภาพกิจวัตรทั่วๆ ไปของครอบครัวบียอร์น แต่ดนตรีนี่สิครับ ดนตรีที่บรรเลงอยู่เบื้องหลังมันออกแนวระทึกขวัญสั่นประสาท แล้วก็เป็นแบบนี้ตลอดแทบทุกฉากเหมือนเป็นการโหมโรงสื่อว่าครอบครัวนี้กำลังจะก้าวเข้าไปสู่อุ้งมือมาร กำลังจะเจอหายนะครั้งใหญ่ในชีวิต คือถ้าทำได้นี่ผมคงวิ่งเข้าจอไปห้ามพวกเขาไม่ให้ไปแล้วล่ะ ก็ดนตรีออกจะลางไม่ดีซะขนาดนั้น
การดูหนังเรื่องนี้ทำให้ผมนึกถึงเรื่องเล่า 2 เรื่องด้วยกันครับ เรื่องแรกคือ “กบต้ม” ครับ ที่กล่าวกันว่าหากคุณโยนกบใส่ลงไปในน้ำเดือด กบก็จะกระโดดโหยงหนีออกจากน้ำเดือดทันที แต่หากคุณให้กบอยู่ในน้ำธรรมดา แล้วค่อยๆ เพิ่มอุณหภูมิต้มไปเรื่อยๆ เจ้ากบนั้นก็จะนั่งอยู่ในน้ำจนสุกตาย

ส่วนเรื่องที่ 2 ก็คือ หากคุณเลี้ยงช้างตั้งแต่ตอนมันยังตัวเล็กๆ และล่ามมันไว้กับท่อนไม้ที่ปักลงดินสักท่อนที่แข็งแรงพอที่จะล่ามช้างไว้ได้ ตอนแรกช้างน้อยตัวนั้นก็อาจพยายามจะดึงตัวเองให้พ้นจากการโดนล่าม พยายามดึงไม้ท่อนนั้นให้หลุดออกมา แต่พอมันทำไม่ได้วันแล้ววันเล่า ในที่สุดมันก็จะฝังใจว่ามันจะไม่สามารถหลุดพ้นจากการโดนล่ามได้ ทีนี้ต่อให้ผ่านไปเป็นปีๆ ต่อให้ช้างตัวนั้นจะตัวใหญ่พอที่จะดึงไม้ท่อนนั้นให้หลุดก็ตาม แต่ด้วยความฝังใจที่มันเคยได้รับรู้มาว่า “มันทำไม่ได้หรอก” สุดท้ายมันก็จะปล่อยให้ตัวเองถูกล่ามอยู่อย่างนั้น
ผมว่า 2 เรื่องเล่านี่มันดูเข้ากับเรื่องราวของหนังยังไงก็ไม่รู้
ตัวหนังถือว่าโอเคครับ น่ากลัวแบบกินบรรยากาศ ไม่ได้สยองตุ้งแช่แต่อย่างใด และสาระสำคัญเลยที่หนังบอกคือ “อย่าให้ความเกรงใจนำพาตัวเราไปสู่ความหายนะ” ครับ ที่ครอบครัวของบียอร์นต้องเจอกับเรื่องร้ายๆ ในตอนท้ายนั้นก็เพราะความเกรงใจ เพราะหยวนๆ ยอมๆ ที่ชัดเลยคือตอนท้ายที่บียอร์นถามแพทริคว่า “คุณทำแบบนี้ทำไม?” แพทริคก็ตอบแบบหน้านิ่งว่า “เพราะคุณยอมให้ผมทำ”
บางครั้งอันตรายก็มาจากปัจจัยภายนอกที่คุกคามทำร้ายเรา แต่สิ่งที่อันตรายไม่แพ้กันคือปัจจัยจากภายในตัวเรา ยามที่เราปล่อยให้เรื่องร้ายเกิดขึ้นโดยที่เราไม่พยายามต่อต้านขัดขืน
อย่างหนึ่งที่รู้สึกชอบในหนังคือ การที่หนังยั่วล้อกับความรู้สึกคนดูด้วยการที่จริงๆ แล้วครอบครัวของบียอร์น “เกือบ” จะพ้นเงื้อมมือมารอยู่แล้วแท้ๆ นะ เกือบๆ ตั้งหลายรอบด้วย แต่สุดท้ายแล้วตัวพวกเขาเองนั่นแหละที่นำพาตัวเองกลับไปสู่เงื้อมมือมารอีกครั้ง และอีกครั้ง…
หนังไม่สนุกครับ อันนี้บอกตรงๆ เลย… ไม่ได้หมายความว่าหนังไม่น่าดูหรือหนังไม่ดีนะครับ แต่หมายความว่าหนังมันไม่ได้ตอบโจทย์ด้านความบันเทิง ไม่ได้ดูแล้วสนุกสนานเพลิดเพลิน แต่ดูแล้วมันชวนให้กดดัน อึดอัด และลงเอยด้วยความสลดหดหู่ สำหรับผมหนังเลยไม่สนุกครับ แต่ถ้าถามว่าน่าดูไหม จริงๆ ก็ควรดูเพื่อพิจารณาไตร่ตรองเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้น
ดูเพื่อกระตุ้นเตือนตัวเรา ให้อย่ากลายเป็นกบที่ถูกต้ม อย่ากลายเป็นช้างที่ถูกล่าม
สองดาวครึ่งครับ

(7/10)
หมวดหมู่:Drama, Horror, Mystery, Recommended Movies, Thriller










